โอกาสและความท้าทาย

ความเปลี่ยนแปลงบนโลกของเราและโลกธุรกิจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการปรับตัวของทิศทางธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของแต่ละประเทศที่ดำเนินการ อาทิ การรับมือกับภาวะโลกรวน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาเทคโนโลยี และการพัฒนาคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน บริษัทจะต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับการเติบโต ซึ่งรวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน ส่งเสริมศักยภาพและดูแลพนักงานอย่างครอบคลุม กำหนดค่าตอบแทนที่โปร่งใสและเหมาะสม ตลอดจนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม การละเลยประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ความผูกพันต่อองค์กรหรืออัตราการลาออกที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้มีต้นทุนการบริหารจัดการที่สูงขึ้นและอาจส่งผลต่อศักยภาพในการแข่งขัน บี.กริม เพาเวอร์ ตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าว และได้กำหนดกลยุทธ์ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์อย่างรอบด้านที่สอดคล้องกับข้อกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน ให้พนักงานของเราได้เรียนรู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทำงานอย่างมีความสุขและมุ่งมั่นปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งจะนำไปสู่การขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายระยะยาวและเพื่อสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี

เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

  ปี 2566 ปี 2568 ปี 2573
  ผลการดำเนินงาน เป้าหมาย เป้าหมาย เป้าหมาย
สัดส่วนพนักงานที่มีทักษะสำคัญสำหรับองค์กรแห่งอนาคตต่อพนักงานทั้งหมด 40% 40% 60% 100%
อัตราความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน 78% 78% 80% 85%

การบริหารจัดการและกลยุทธ์

นโยบายและความมุ่งมั่นของเรา

บี.กริม เพาเวอร์ ให้ความสำคัญสูงสุดกับพนักงานของเรา โดยมุ่งเน้นให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุขและปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ พร้อมส่งเสริมค่านิยมองค์กร 4 ประการ ได้แก่ ทัศนคติที่ดี (Positivity) ความร่วมมือ (Partnership) ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Pioneering Spirit) รวมถึงการมีสติเพื่อความโอบอ้อมอารี (Mindful Compassion) โดยกำหนดนโยบายและระเบียบปฏิบัติงานบริหารทรัพยากรบุคคล และวางกรอบการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล ครอบคลุมการวางแผนกำลังคนเชิงกลยุทธ์ การสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน การประเมินผลปฏิบัติงาน และการกำหนดค่าตอบแทน และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

โครงสร้างการกำกับดูแล

บี.กริม เพาเวอร์ มีคณะกรรมบริษัทและคณะผู้บริหารเป็นผู้กำหนดนโยบายและกลยุทธ์การดำเนินงาน และมีรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล ทำหน้าที่ กำกับการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายและแผนงานที่กำหนด

การวางแผนกำลังคนเชิงกลยุทธ์

บี.กริม เพาเวอร์ เชื่อว่าการวางแผนกำลังคนให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กร (Strategic Workforce Planning) จากการวิเคราะห์ฐานข้อมูลทั้งจากในอดีตและปัจจุบัน เพื่อการระบุความเสี่ยงและโอกาส ตลอดจนคาดการณ์การดำเนินการในอนาคต จะช่วยสนับสนุนการตัดสินใจและการวางแผนจัดสรรกำลังคนที่จำเป็นในการส่งเสริมการเติบโตขององค์กรในระยะยาว โดยกำหนดกรอบกลยุทธ์ซึ่งประกอบด้วย 1) การวางแผนกำลังคนสนับสนุนธุรกิจในอนาคตตามแผนยุทธศาสตร์และ 2) การวิเคราะห์และประเมินสมรรถนะด้านแรงงานขององค์กร มีรายละเอียดดังนี้

การวางแผนกำลังคนสนับสนุนธุรกิจในอนาคตตามแผนยุทธศาสตร์ ผ่านการประเมิน 6 ด้าน ได้แก่

Right Skill

มีทักษะความสามารถที่เหมาะสมกับตำแหน่งและทิศทางขององค์กร

Right Source

การจัดสรรสมรรถนะที่เหมาะสมกับงาน เช่น การใช้แรงงานคน หรือ นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ

Right Size

มีจำนวนบุคลากรเพียงพอ เหมาะสม กับการดำเนินธุรกิจ

Right Structure

โครงสร้างบุคลากรเหมาะสม ระดับตำแหน่งงานสอดคล้องกับลักษณะของหน่วยงานและองค์กร

Right Site

โครงสร้างบุคลากรเหมาะสม ระดับตำแหน่งงานสอดคล้องกับลักษณะของหน่วยงานและองค์กร

Right Spend

ต้นทุนด้านแรงงานเหมาะสมกับการสร้างผลิตผลของบริษัท

การวิเคราะห์และประเมินสมรรถนะด้านแรงงานขององค์กรอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

โดยจัดทำการประเมินทักษะความรู้และคุณลักษณะของพนักงาน ตามลักษณะหน้าที่งานที่ปฏิบัติ เพื่อให้เราเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันและวางแผนการพัฒนาพนักงานรายบุคคล ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารงานและเกิดประสิทธิผลจากการปฏิบัติงาน รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านทรัพยากรบุคคล รวมถึงกำหนดผู้รับผิดชอบงานระบบข้อมูลพนักงานและเทคโนโลยีอย่างชัดเจน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการวิเคราะห์และวางแผนกำลังพลสนับสนุนธุรกิจในอนาคต

การสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ

บี.กริม เพาเวอร์ พัฒนารูปแบบการสรรหาบุคลากรแบบผสมผสาน ที่ยืดหยุ่นเข้ากับการดำเนินชีวิตในรูปแบบใหม่ โดยปรับใช้เทคโนโลยีและช่องทางดิจิทัลเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้สมัครในกระบวนการสรรหา การสัมภาษณ์และประเมินผู้สมัครให้เหมาะสมกับทั้งหน้าที่งาน ทีมงานและวัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนการใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อส่งเสริมให้องค์กรเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงกว้าง และดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถให้มาร่วมงาน ตลอดจนร่วมเป็นพันธมิตรกับสถาบันการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในด้านการส่งเสริมการศึกษาและความร่วมมือทางวิชาการ เราเปิดรับนักศึกษาฝึกงานเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ทำงานจริงกับองค์กร และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน รวมถึงสร้างโอกาสในการสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพเพื่อเข้ามาร่วมงานกับเรา อาทิ โครงการทวิภาคี โครงการนักศึกษาฝึกงาน นอกจากนี้ เรายังมีการพัฒนารูปแบบการสรรหาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการวัดผลผู้สมัครผ่านการทดสอบด้านวัฒนธรรมองค์กรและบุคลิกภาพ เป็นต้น

การพัฒนาศักยภาพของพนักงานและแผนการสืบทอดตำแหน่ง

การเติบโตของธุรกิจตามยุทธศาสตร์ จะขนานไปกับการดูแล และ พัฒนาคนของเรา ให้เข้มแข็งทั้ง Head Hand และ Heart นั่นคือ คนของ บี.กริม จะต้องเก่ง เป็นมืออาชีพ และ มีความสุขกับการทำงาน

เกรียงไกร อยู่ยืน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล

3 สมรรถนะหลักขององค์กร : ความเป็นผู้นำ, ความเป็นมืออาชีพ, การบริหารจัดการ

ความเป็นผู้นำ
  1. ผู้นำระดับสูง
  2. ผู้นำในฐานะโค้ช
  3. หัวหน้างานมืออาชีพ
  4. การบริหารคน
ความเป็นมืออาชีพ
  1. พลังงาน อุตสาหกรรมและการแพทย์
  2. การขายและการตลาด
  3. การบริหารจัดการโครงการ
  4. การนำเสนอและการเล่าเรื่อง
การบริหารจัดการ
  1. ความเฉียบคมทางธุรกิจ
  2. การบริหารจัดการโครงการ
  3. การบัญชีการเงิน
  4. ทักษะการสื่อสาร

7 ทักษะแห่งอนาคต เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการใช้ข้อมูล
ความยืดหยุ่นและ ความคล่องตัว
ความเป็นพลเมืองโลก
การมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
การคิดเชิงวิพากษ์และ การคิดวิเคราะห์
ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม

3 รากฐานการทำงานของ บี.กริม

ประวัติและวัฒนธรรมของบี.กริม
จริยธรรมและจรรยาบรรณ
ความยั่งยืน ความหลากหลาย และการยอมรับความแตกต่าง

หนึ่งในพันธกิจของ บี.กริม เพาเวอร์ คือ การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organisation) โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพและทักษะของพนักงานเพื่อส่งเสริมการเติบโตและความก้าวหน้าในสายอาชีพ และสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจในอนาคต ผ่านแผนการพัฒนาและกระบวนการเรียนรู้ โดยจำแนกหลักสูตรการอบรมที่จำเป็นตามระดับการเติบโตของพนักงาน เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เข้างาน การเปลี่ยนบทบาทเป็นหัวหน้างาน การเติบโตเป็นผู้บริหาร จนกระทั่งเกษียณอายุงาน มีรายละเอียดดังนี้

  • แผนพัฒนารายบุคคล (Individual Development Plan) พนักงานจะออกแบบแผนการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นรายปี โดยตกลงร่วมกับหัวหน้างานและวางแผนการฝึกอบรมที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดผลปฏิบัติงานส่วนบุคคล
  • แผนพัฒนาทักษะเพื่อสนับสนุนแผนงานธุรกิจสำคัญ ส่งเสริมความรู้และทักษะที่สำคัญและจำเป็นต่อองค์กรแห่งอนาคต ทั้งในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) และการเตรียมการเพื่อก้าวสู่มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593
  • การบริหารพนักงานที่มีศักยภาพโดดเด่น (Talent Management) พนักงานทุกคนจะได้รับโอกาสความก้าวหน้าอย่างเป็นธรรม ผ่านกระบวนการสรรหาและการประเมินเป็นรายปี ด้วยกรอบการวิเคราะห์ และเครื่องมือที่เป็นมาตรฐานสากล เพื่อคัดสรรกลุ่มพนักงานที่มีศักยภาพโดดเด่น (Talent Pool) ให้ได้รับมอบหมายหน้าที่และโครงการที่ท้าทาย ทำให้สามารถแสดงผลการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงจัดทำแผนสืบทอดตำแหน่ง (Succession Plan) ครอบคลุมตำแหน่งที่สำคัญในองค์กร โดยมีการคัดเลือกและกำหนดพนักงานจากพนักงานกลุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นเพื่อเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ซึ่งจะได้รับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นและเตรียมความพร้อมในการขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าว

บี.กริม เพาเวอร์ สร้างแหล่งเรียนรู้ B.Grimm Academy ทั้งในรูปแบบกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ และออนไลน์ แพลตฟอร์มที่ให้พนักงานได้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทุกที่ ทุกเวลา โดยสามารถเลือกเรียนรู้ได้ทั้งตามแผนการพัฒนารายบุคคล (IDP) และตามความสนใจ โดยมุ่งหวังให้พนักงานทุกคนมีทักษะความรู้ พร้อมที่จะใช้ชีวิตและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข ตลอดจนร่วมมือกับสถาบันการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รวมไปถึง มหาลัย Harbour.Space ประเทศสเปน โดยมีจุดประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมทักษะ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ (new skills) ที่จำเป็นสำหรับรองรับความท้าทายในอนาคต เช่น การตลาดดิจิทัล ความปลอดภัยไซเบอร์ และกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) เป็นต้น

การประเมินผลปฏิบัติงานและการกำหนดค่าตอบแทน

บี.กริม เพาเวอร์ กำหนดนโยบายบริหารผลการปฏิบัติงานและค่าตอบแทนให้เป็นไปโดยโปร่งใส ยุติธรรม และปราศจากการเลือกปฏิบัติ เหมาะสมกับผลการปฏิบัติงานและได้รับอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมกับตำแหน่ง โดยมีปัจจัยที่ใช้พิจารณาการกำหนดค่าตอบแทน ได้แก่ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและแรงงานของประเทศ อัตราค่าจ้างของบริษัทอื่นๆ ที่บริษัทเทียบเคียง ระดับตำแหน่งและความรับผิดชอบภายใน และสถานการณ์และความจำเป็นของบริษัท

เรากำหนดการประเมินผลปฏิบัติงานตามแนวทางบริหารตามวัตถุประสงค์ (Management by objectives) โดยมีดัชนีชี้วัดผลงานในระดับเป้าหมายองค์กร ซึ่งถูกแจกแจงลงมาตามลำดับการบังคับบัญชา ระดับหน่วยงานและระดับบุคคลครอบคลุมพนักงานทุกคน ซึ่งผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาจะร่วมกันกำหนดตัวชี้ดังกล่าว พร้อมติดตามความคืบหน้า ให้ความเห็นและคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ โดยจัดประเมินผลปฎิบัติงานปีละสองครั้ง ทั้งนี้ ผลประเมินจะนำไปประกอบการพิจารณาผลตอบแทนและโอกาสความก้าวหน้าทางอาชีพ

โครงสร้างการประเมินผลปฏิบัติงาน

วางแผน
  • กำหนดดัชนีชี้วัดผลงาน แบ่งเป็น
    • ระดับเป้าหมายองค์กร
    • ระดับฝ่ายหรือหน่วยงาน
    • ระดับพนักงานรายบุคคล
  • แผนพัฒนาตนเองรายบุคคล
ติดตาม
  • การรายงานความคืบหน้าของผลปฏิบัติงาน
  • การให้ความเห็นและคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ
  • การเรียนรู้และพัฒนา
ประเมินผล
  • การประเมินผลปฏิบัติงานปีละสองครั้ง
  • การประเมินผลปฏิบัติงานที่ผ่านมา และวางแผนสำหรับอนาคต
  • การประเมินการปฏิบัติงานหลายมิติ
  • การประเมินผลอื่นๆ ตามตัวชี้วัดองค์กร (อาทิ ค่านิยมองค์กร หลัก Mindful Compassion และจรรยาบรรณทางธุรกิจ)
ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

บี.กริม เพาเวอร์ ออกแบบสภาพแวดล้อมการทำงาน โดยมุ่งมั่นให้พนักงานทุกคนมีความสุขในการทำงานทั้งด้านสุขภาพกายและใจ พร้อมปฏิบัติงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

  • ส่งเสริมสุขภาพกายที่แข็งแรง: สนับสนุนให้พนักงานให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายของตนให้แข็งแรง จัดสถานที่ออกกำลังกาย (เช่น ยิม ปิงปอง ฟุตบอล) โปรแกรมตรวจสุขภาพ จัดอบรมการปฏิบัติตามหลักสรีรศาสตร์ จัดกิจกรรมชมรมให้พนักงานเลือกเข้าร่วมได้ตามความสนใจ ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน การใช้ชีวิตที่กระฉับกระเฉงและสุขภาพดี ได้แก่ ชมรมกีฬา ชมรมดนตรี ชมรมถ่ายภาพ ชมรมคนคิดค้น และชมรมเพื่อสุขภาพกายและใจ เป็นต้น
  • ส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจ: ส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาวะทางจิตใจที่ดี ด้วยการสนับสนุนสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้ออำนวยและการมีสมดุลที่ดีในชีวิตทำงาน พร้อมนำหลักการความสุขมวลรวมประชาชาติ (Gross National Happiness: GNH) มาปรับให้เข้ากับองค์กร และจัดกิจกรรมและการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาทัศนคติ มุมมองและความคิดของพนักงานทุกคน ให้มีความตระหนักรู้คุณค่าและความสุขของตนเอง อันจะนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนของสังคม รวมถึงจัดอบรมหลักสูตร “Mindful Compassion สติเพื่อความโอบอ้อมอารี” มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาสมาธิและสติตามแนวจิตวิทยาและศาสตร์สมอง ส่งเสริมทักษะการดูแลตนเองให้รู้สึกสงบ มั่นคง สมดุลได้ในทุกสถานการณ์
  • ส่งเสริมการทำงานรูปแบบไฮบริด: ส่งเสริมการทำงานที่ผสมผสานรูปแบบการทำงานระหว่างการทำงานจากออฟฟิศ และการทำงานจากที่ใดก็ได้ที่เหมาะสมกับการทำงาน (Working-from-anywhere) โดยปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อและอำนวยความสะดวกในการทำงาน ส่งเสริมการทำงานในทีมและความสัมพันธ์ในกลุ่มพนักงาน และเพิ่มความยืดหยุ่นในรูปแบบการทำงานมากขึ้น เพื่อให้พนักงานมีทางเลือกและสามารถจัดสรรเวลาเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว นอกจากนี้ พนักงานทุกคนสามารถปรึกษากับหัวหน้างาน เพื่อปรับช่วงเวลาปฏิบัติงานของตนได้อย่างยืดหยุ่น เหมาะสมตามกิจส่วนตัวของตน (Flexible working hours) รวมถึงมีรูปแบบการจ้างงานในหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของพนักงาน เช่น พนักงานประจำ การจ้างแบบฐานะที่ปรึกษา ที่สามารถเลือกจำนวนวันทำงานได้ต่อสัปดาห์ การจ้างแบบพิเศษหรือการจ้างชั่วคราว ซึ่งรวมถึงพนักงานที่เกษียณแล้ว ตามระยะเวลาที่กำหนดเป็น รายเดือนหรือปี
  • ส่งต่อความสุขให้ครอบครัว: เราตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัวของพนักงานทุกคน จึงจัดสรรสวัสดิการที่เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวพนักงาน อาทิ พนักงานหญิงมีสิทธิลาคลอดโดยรับค่าจ้างได้ 98 วัน ส่วนพนักงานชายมีสิทธิลาเพื่อดูแลบุตรแรกเกิด 3 วัน โดยหลังจากกลับมาปฏิบัติงานแล้วสามารถจัดสรรเวลาเพื่อพักเก็บน้ำนมได้อย่างอิสระ หกนอกจากนี้ เรายังจัดสรรวันลาเพื่อดูแลครอบครัวหรือบุคคลอันเป็นที่รัก อาทิ ลูกหลาน คู่สมรส ผู้อยู่ในความอุปการะ พ่อแม่ พี่น้อง หรือผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่มีปัญหาสุขภาพร่างกายหรือจิตใจอีกด้วย
  • ส่งเสริมความสำคัญของเวลาพักผ่อนจากงาน: ส่งเสริมความสำคัญของการพักผ่อนและการให้พนักงานสามารถจัดสรรความสำคัญในการดูแลตนเอง โดยจัดสรรวันหยุดพักผ่อนประจำปี วันหยุดอื่นๆ เหนือจากที่กฎหมายกำหนด เช่น ลาฝึกอบรมเพื่อพัฒนาความรู้ ลาสมรส เพื่อส่งเสริมสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวของพนักงาน
ความผูกพันของพนักงาน

จัดประเมินความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรทุกๆ สองปี เพื่อรับฟังความคิดเห็นของพนักงาน ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจมุมมองและทัศนคติของพนักงานต่อองค์กร ตลอดจนนำผลจากการสำรวจมาวิเคราะห์ วางแผนและปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริหารพนักงานได้ตรงประเด็นยิ่งขึ้น

ผลการดำเนินงานปี 2566

การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน

บี.กริม เพาเวอร์ เน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมทั้งกายและใจอย่างสมดุล เพื่อเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของธุรกิจ ทั้งการพัฒนาทักษะตามรากฐานการทำงานของบี.กริม ความรู้และทักษะเชิงเทคนิค เสริมสร้างความเป็นผู้นำ ทั้งนี้ ในปี 2566 พนักงานร้อยละ 91 ได้รับการฝึกอบรม โดยมีจำนวนชั่วโมงฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรเฉลี่ย 38 ชั่วโมงต่อคน ทั้งในรูปแบบทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงคัดสรรเนื้อหาที่หลากหลายสอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ของพนักงาน (Learning Style) ความสนใจ ความสอดคล้องกับงานและแผนยุทธศาสตร์ รวมไปถึงการพัฒนาตามแผนพัฒนารายบุคคล

100%
ของพนักงาน ได้รับการพัฒนาทักษะทางดิจิทัล เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 80 ในปีก่อนหน้า
33 โครงการฝึกอบรม
ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนารายบุคคล
เสริมสร้างทักษะที่สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจในอนาคต อาทิ ทักษะด้านเทคนิค ทักษะความเป็นผู้นำ ทักษะด้านพลังงานทดแทน ตลอดจนทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นสำหรับโลกอนาคต
โดยมีการฝึกอบรมเฉลี่ย
38 ชั่วโมงต่อคน

โดยมีตัวอย่างโครงการ ดังนี้

  • หลักสูตรพัฒนานวัตกรรมและธุรกิจใหม่ รุ่นที่ 2 โดยร่วมมือกับ Global innovation Catalyst (GIC) บริษัทที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมระดับโลก ทั้งในด้านทักษะการทำธุรกิจสมัยใหม่ การออกแบบธุรกิจ (Business Model) การพัฒนาโซลูชั่นและ การพัฒนาผู้นำที่เอื้ออำนวยองค์กรในการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เติบโตอย่างยั่งยืน
  • หลักสูตรการพัฒนาความเชี่ยวชาญตามสายงาน โดยเฉพาะทีมบริหารจัดการและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกองค์กรตามมาตรฐานสากลของธุรกิจพลังงาน โดยวิทยากรที่เป็นวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทชั้นนำระดับสากลมาฝึกอบรมเกี่ยวกับเครื่องจักรและระบบควบคุมการผลิตไฟฟ้าให้แก่พนักงานก่อนเริ่มผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ
  • หลักสูตรพัฒนาผู้นำที่โอบอ้อมอารี เน้นพัฒนาผู้บริหารระดับหัวหน้างาน จนถึงผู้บริหารระดับสูง ให้มีทักษะและความสามารถในการบริหารคน บริหารทีม ตลอดจนบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในรูปแบบสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และการเข้าร่วมอบรมของผู้บริหารในหลักสูตรอบรมภายนอกเพื่อต่อยอดความร่วมมือระหว่างกัน (Partnership)
  • หลักสูตร “สติเพื่อความโอบอ้อมอารี” เป็นการนำสมาธิและสติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและวิถีองค์กร เพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้และเข้าใจความสำคัญของการดำเนินชีวิตด้วยความรอบคอบ ตลอดจนสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวัน อันจะสร้างสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง
  • หลักสูตรหัวหน้างานมืออาชีพ (People manager) ให้สามารถบริหารทีมงานและขับเคลื่อนพนักงานให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสุข ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถด้านการเป็นหัวหน้างาน การสอนงาน การสื่อสาร และการเข้าใจผู้อื่น
  • หลักสูตรพัฒนาทักษะด้านเทคนิค รองรับยุทธศาสตร์ Green Leap: Global and Green ด้วยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศในการพัฒนาเนื้อหาและเพิ่มขีดความสามารถให้พนักงานในด้านเทคนิคที่เกี่ยวกับทิศทางธุรกิจ เช่น การพัฒนาโซลูชั่นสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรม พลังงานทางเลือก หรือพลังงานสะอาด การวิจัยและการแลกเปลี่ยนทางวิชาการด้านวิศวกรรมไฟฟ้า การพัฒนาประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมและพลังงานหมุนเวียนและการพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่

นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ให้ความสำคัญในการเสริมสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้และการจัดการองค์ความรู้ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างยั่งยืนขององค์กร โดยมีการสร้างวิทยากรภายใน ซึ่งได้รับการพัฒนาการเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้มีความสามารถในการคิดอย่างเป็นระบบ มีภาวะทางจิตใจและอารมณ์ที่มั่นคง สามารถส่งเสริมและสร้างสรรค์การเรียนรู้ร่วมกันในองค์กรได้บนความแตกต่างหลากหลาย นำไปสู่การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน