โอกาสและความท้าทาย

ความเปลี่ยนแปลงบนโลกของเราและโลกธุรกิจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการปรับตัวของทิศทางธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของแต่ละประเทศที่ดำเนินการ อาทิ การรับมือกับภาวะโลกรวน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาเทคโนโลยี คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน บริษัทจะต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับการเติบโต ซึ่งรวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน ส่งเสริมศักยภาพและดูแลพนักงานอย่างครอบคลุม กำหนดค่าตอบแทนที่โปร่งใสและเหมาะสม ตลอดจนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม การละเลยประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ความผูกพันต่อองค์กร หรืออัตราการลาออกที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต่อต้นทุนและศักยภาพในการแข่งขัน บี.กริม เพาเวอร์ ตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าว จึงได้กำหนดกลยุทธ์ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์อย่างรอบด้าน สอดคล้องกับข้อกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน ให้พนักงานของเราได้เรียนรู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทำงานอย่างมีความสุขและมุ่งมั่นปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งจะนำไปสู่การขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายระยะยาวและเพื่อสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี

เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

  ปี 2567 ปี 2568 ปี 2573
  ผลการดำเนินงาน เป้าหมาย เป้าหมาย เป้าหมาย
สัดส่วนพนักงานที่มีทักษะสำคัญสำหรับองค์กรแห่งอนาคตต่อพนักงานทั้งหมด 54% 50% 60% 100%
อัตราความผูกพันต่อองค์กรของพนักงาน 82% 80% 80% 85%

การบริหารจัดการและกลยุทธ์

นโยบายและความมุ่งมั่นของเรา

บี.กริม เพาเวอร์ ให้ความสำคัญสูงสุดกับพนักงานของเรา โดยมุ่งเน้นให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุขและสามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มศักยภาพ ภายใต้สภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อความก้าวหน้าและความมั่นคงในสายอาชีพ พร้อมส่งเสริมค่านิยมหลัก 4 ประการ ได้แก่ ทัศนคติที่ดี (Positivity) ความร่วมมือ (Partnership) ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism) และ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Pioneering Spirit) พร้อมทั้งยึดหลัก การมีสติเพื่อความโอบอ้อมอารี (Mindful Compassion) ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่มีความเข้าใจ เคารพ และเกื้อกูลกัน บี.กริม เพาเวอร์ กำหนดนโยบายและระเบียบปฏิบัติด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นระบบ โดยวางกรอบการบริหารจัดการที่ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนกำลังคนเชิงกลยุทธ์ การสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ การพัฒนาศักยภาพของพนักงานอย่างต่อเนื่อง การวางแผนสืบทอดตำแหน่ง การประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรม การกำหนดค่าตอบแทนที่เหมาะสม และการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานในทุกมิติ รวมถึงการสนับสนุนความยืดหยุ่นในการทำงานและสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน เพื่อให้พนักงานสามารถเติบโตทั้งในด้านอาชีพและชีวิตส่วนตัวได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อให้แนวทางการบริหารทรัพยากรบุคคลของเราสอดคล้องกับมาตรฐานสากล บริษัทฯ ยึดถือหลักสิทธิแรงงานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติในการดำเนินงานทั้งภายในองค์กรและตลอดห่วงโซ่คุณค่า สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเอกสาร ความมุ่งมั่นด้านสิทธิแรงงาน

โครงสร้างการกำกับดูแล

บี.กริม เพาเวอร์ มีคณะกรรมบริษัทและคณะผู้บริหารเป็นผู้กำหนดนโยบายและกลยุทธ์การดำเนินงาน และมีรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล ทำหน้าที่กำกับการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายและแผนงานที่กำหนด

การวางแผนกำลังคนเชิงกลยุทธ์

บี.กริม เพาเวอร์ เชื่อว่าการวางแผนกำลังคนให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กร (Strategic Workforce Planning) จากการวิเคราะห์ฐานข้อมูลทั้งจากในอดีตและปัจจุบัน เพื่อระบุความเสี่ยงและโอกาส ตลอดจนคาดการณ์อนาคต จะช่วยสนับสนุนการตัดสินใจและการวางแผนจัดสรรกำลังคนที่จำเป็นในการส่งเสริมการเติบโตขององค์กรในระยะยาว โดยกำหนดกรอบกลยุทธ์ซึ่งประกอบด้วย 1) การวางแผนกำลังคนสนับสนุนธุรกิจในอนาคตตามแผนยุทธศาสตร์ และ 2) การวิเคราะห์และประเมินสมรรถนะด้านแรงงานขององค์กร มีรายละเอียดดังนี้

การวางแผนกำลังคนสนับสนุนธุรกิจในอนาคตตามแผนยุทธศาสตร์ ผ่านการประเมิน 6 ด้าน ได้แก่

Right Skill

มีทักษะความสามารถที่เหมาะสมกับตำแหน่งและทิศทางขององค์กร

Right Source

การจัดสรรสมรรถนะที่เหมาะสมกับงาน เช่น การใช้แรงงานคน หรือนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ

Right Size

มีจำนวนบุคลากรเพียงพอ เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจ

Right Structure

โครงสร้างบุคลากรเหมาะสม ระดับตำแหน่งงานสอดคล้องกับลักษณะของหน่วยงานและองค์กร

Right Site

ที่ตั้งหรือสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมและสนับสนุนการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า

Right Spend

ต้นทุนด้านแรงงานเหมาะสมกับการสร้างผลิตผลของบริษัท

การวิเคราะห์และประเมินสมรรถนะด้านแรงงานขององค์กรอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

โดยจัดทำการประเมินทักษะความรู้และคุณลักษณะของพนักงานตามลักษณะหน้าที่งานที่ปฏิบัติ เพื่อให้เราเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันและวางแผนการพัฒนาพนักงานรายบุคคล ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารงานและเกิดประสิทธิผลจากการปฏิบัติงาน รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการฐานข้อมูลด้านทรัพยากรบุคคล รวมถึงกำหนดผู้รับผิดชอบงานระบบข้อมูลพนักงานและเทคโนโลยีอย่างชัดเจน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการวิเคราะห์และวางแผนกำลังพลสนับสนุนธุรกิจในอนาคต

การสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถ

บี.กริม เพาเวอร์ พัฒนารูปแบบการสรรหาบุคลากรแบบผสมผสาน ที่ยืดหยุ่นเข้ากับการดำเนินชีวิตในรูปแบบใหม่ โดยปรับใช้เทคโนโลยีและช่องทางดิจิทัลเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้สมัครในกระบวนการสรรหา การสัมภาษณ์และประเมินผู้สมัครให้เหมาะสมกับทั้งหน้าที่งาน ทีมงานและวัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนการใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อส่งเสริมให้องค์กรเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงกว้าง และดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถให้มาร่วมงาน ตลอดจนร่วมเป็นพันธมิตรกับสถาบันการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในด้านการส่งเสริมการศึกษาและความร่วมมือทางวิชาการ เราเปิดรับนักศึกษาฝึกงานเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ทำงานจริงกับองค์กร และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงาน รวมถึงสร้างโอกาสในการสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพเพื่อเข้ามาร่วมงานกับเรา อาทิ โครงการทวิภาคี โครงการนักศึกษาฝึกงาน นอกจากนี้ เรายังมีการพัฒนารูปแบบการสรรหาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการวัดผลผู้สมัครผ่านการทดสอบด้านวัฒนธรรมองค์กรและบุคลิกภาพ เป็นต้น

การพัฒนาศักยภาพของพนักงานและแผนการสืบทอดตำแหน่ง

การเรียนรู้ คือ หัวใจของการเติบโตและเป็นพันธกิจร่วมกันของพวกเราทุกคน การพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดนิ่ง ไม่เพียงแต่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนางาน เสริมสร้างความแข็งแกร่งขององค์กร และผลักดันสังคมให้ก้าวไปข้างหน้า บนพื้นฐานของความโอบอ้อมอารี

เกรียงไกร อยู่ยืน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล

3 สมรรถนะหลักขององค์กร

ความเป็นผู้นำ
ยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI)
  1. ทักษะผู้นำ
  2. ผู้นำในฐานะโค้ช
  3. หัวหน้างานมืออาชีพ
  4. การใช้งาน AI
ความเป็นมืออาชีพ
  1. ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในอุตสาหกรรม
  2. การขายและการตลาด
  3. การบริหารจัดการโครงการ
  4. การนำเสนอและการเล่าเรื่อง
การบริหารจัดการ
  1. ความเฉียบคมทางธุรกิจ
  2. การบริหารจัดการโครงการ
  3. การบัญชีการเงิน
  4. ทักษะการสื่อสาร

7 ทักษะแห่งอนาคต เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ AI
การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยการใช้ข้อมูล
ความยืดหยุ่นและความคล่องตัว
ความเป็นพลเมืองโลก
การมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
การคิดเชิงวิพากษ์และการคิดวิเคราะห์
ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม

3 รากฐานการทำงานของ บี.กริม

ประวัติและวัฒนธรรมของบี.กริม
จริยธรรมและจรรยาบรรณ
ความยั่งยืน ความหลากหลาย และการยอมรับความแตกต่าง

หนึ่งในพันธกิจของ บี.กริม เพาเวอร์ คือ การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organisation) โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพและทักษะของพนักงานเพื่อส่งเสริมการเติบโตและความก้าวหน้าในสายอาชีพ และสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจในอนาคต ผ่านแผนการพัฒนาและกระบวนการเรียนรู้ โดยจำแนกหลักสูตรการอบรมที่จำเป็นตามระดับการเติบโตของพนักงาน เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เข้างาน การเปลี่ยนบทบาทเป็นหัวหน้างาน การเติบโตเป็นผู้บริหาร จนกระทั่งเกษียณอายุงาน มีรายละเอียดดังนี้

  • แผนพัฒนารายบุคคล (Individual Development Plan) พนักงานจะออกแบบแผนการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นรายปี โดยตกลงร่วมกับหัวหน้างานและวางแผนการฝึกอบรมที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดผลปฏิบัติงานส่วนบุคคล
  • แผนพัฒนาทักษะเพื่อสนับสนุนแผนงานธุรกิจสำคัญ ส่งเสริมความรู้และทักษะที่สำคัญและจำเป็นต่อองค์กรแห่งอนาคต ทั้งในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) และการเตรียมการเพื่อก้าวสู่มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593
  • การบริหารพนักงานที่มีศักยภาพโดดเด่น (Talent Management) พนักงานทุกคนจะได้รับโอกาสความก้าวหน้าอย่างเป็นธรรม ผ่านกระบวนการสรรหาและการประเมินเป็นรายปี ด้วยกรอบการวิเคราะห์ และเครื่องมือที่เป็นมาตรฐานสากล เพื่อคัดสรรกลุ่มพนักงานที่มีศักยภาพโดดเด่น (Talent Pool) ให้ได้รับมอบหมายหน้าที่และโครงการที่ท้าทาย ทำให้สามารถแสดงผลการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงจัดทำแผนสืบทอดตำแหน่ง (Succession Plan) ครอบคลุมตำแหน่งที่สำคัญในองค์กร โดยมีการคัดเลือกและกำหนดพนักงานจากพนักงานกลุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นเพื่อเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ซึ่งจะได้รับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นและเตรียมความพร้อมในการขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าว

บี.กริม เพาเวอร์ สร้างแหล่งเรียนรู้ B.Grimm People Excellence Center ทั้งในรูปแบบกิจกรรมเชิงปฏิบัติการและออนไลน์ แพลตฟอร์มที่ให้พนักงานได้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทุกที่ ทุกเวลา โดยสามารถเลือกเรียนรู้ได้ทั้งตามแผนการพัฒนารายบุคคล (IDP) และตามความสนใจ โดยมุ่งหวังให้พนักงานทุกคนมีทักษะความรู้ พร้อมที่จะใช้ชีวิตและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข ตลอดจนร่วมมือกับสถาบันการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มหาลัย Harbour.Space ประเทศสเปน โดยมีจุดประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และการฝึกอบรมเพื่อส่งเสริมทักษะ โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นสำหรับรองรับความท้าทายในอนาคต เช่น การตลาดดิจิทัล ความปลอดภัยไซเบอร์ และกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) เป็นต้น

เพื่อเสริมสร้างความต่อเนื่องในการเป็นผู้นำและความแข็งแกร่งขององค์กร คณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายให้คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน รับผิดชอบในการจัดทำ กำกับดูแล และทบทวนแผนการสืบทอดตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารอย่างสม่ำเสมอ โดยแผนดังกล่าวครอบคลุมทั้งกรณีที่มีการวางแผนล่วงหน้า (ระยะเวลา 4-5 ปี) และกรณีฉุกเฉินที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยให้รายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการบริษัทอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มีการระบุผู้สืบทอดตำแหน่งภายในด้วยเช่นกัน ซึ่งแต่ละรายจะมีการจัดทำแผนพัฒนารายบุคคลที่ชัดเจน ประกอบด้วยการมอบหมายบทบาทหน้าที่ในงานโครงการสำคัญต่างๆ การขยายขอบเขตความรับผิดชอบหรือการหมุนเวียนงานในสายงานที่หลากหลาย และการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ โดยมีการประเมินความพร้อมอย่างสม่ำเสมอ ด้านคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ที่ถูกกำหนดไว้ ได้แก่ ความรู้ ความชำนาญ ประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ตลอดจนคุณสมบัติด้านวิชาชีพและเกียรติประวัติส่วนบุคคล เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทเชิงกลยุทธ์และการบริหารองค์กรในภาพรวม

การประเมินผลปฏิบัติงานและการกำหนดค่าตอบแทน

บี.กริม เพาเวอร์ กำหนดนโยบายบริหารผลการปฏิบัติงานและค่าตอบแทนให้เป็นไปโดยโปร่งใส ยุติธรรม และปราศจากการเลือกปฏิบัติ เหมาะสมกับผลการปฏิบัติงานและได้รับอัตราค่าจ้างที่เหมาะสมกับตำแหน่ง โดยมีปัจจัยที่ใช้พิจารณาการกำหนดค่าตอบแทน ได้แก่ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและแรงงานของประเทศ อัตราค่าจ้างของบริษัทอื่นๆ ที่บริษัทเทียบเคียง ระดับตำแหน่งและความรับผิดชอบภายใน และสถานการณ์และความจำเป็นของบริษัท

เรากำหนดการประเมินผลปฏิบัติงานตามแนวทางบริหารตามวัตถุประสงค์ (Management by objectives) โดยมีดัชนีชี้วัดผลงานในระดับเป้าหมายองค์กร ซึ่งถูกแจกแจงลงมาตามลำดับการบังคับบัญชา ระดับหน่วยงาน และระดับบุคคลครอบคลุมพนักงานทุกคน ซึ่งผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาจะร่วมกันกำหนดตัวชี้ดังกล่าว พร้อมติดตามความคืบหน้า ให้ความเห็นและคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ โดยจัดประเมินผลปฎิบัติงานปีละสองครั้ง ทั้งนี้ ผลประเมินจะนำไปประกอบการพิจารณาผลตอบแทนและโอกาสความก้าวหน้าทางอาชีพ

โครงสร้างการประเมินผลปฏิบัติงาน

วางแผน
  • กำหนดดัชนีชี้วัดผลงาน แบ่งเป็น
    • ระดับเป้าหมายองค์กร
    • ระดับฝ่ายหรือหน่วยงาน
    • ระดับพนักงานรายบุคคล
  • แผนพัฒนาตนเองรายบุคคล
ติดตาม
  • การรายงานความคืบหน้าของผลปฏิบัติงาน
  • การให้ความเห็นและคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ
  • การเรียนรู้และพัฒนา
ประเมินผล
  • การประเมินผลปฏิบัติงานปีละสองครั้ง
  • การประเมินผลปฏิบัติงานที่ผ่านมา และวางแผนสำหรับอนาคต
  • การประเมินการปฏิบัติงานหลายมิติ
  • การประเมินผลอื่นๆ ตามตัวชี้วัดองค์กร (อาทิ ค่านิยมองค์กร หลัก Mindful Compassion และจรรยาบรรณทางธุรกิจ)

นอกจากนี้ เราได้จัดตั้งโครงการลงทุนร่วมของพนักงาน (Employee Investment Program: EIP) ซึ่งเป็นรูปแบบการร่วมลงทุนระยะเวลา 48 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความผูกพันของพนักงาน การรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพ และการสร้างคุณค่าร่วมระหว่างพนักงานกับองค์กรพนักงานระดับผู้จัดการอาวุโสขึ้นไป ที่ผ่านการคัดเลือกตามบทบาทหน้าที่และผลการปฏิบัติงาน จะมีสิทธิเข้าร่วมลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลที่บริหารจัดการอย่างมืออาชีพ โดย บี.กริม เพาเวอร์จะร่วมสมทบเงินลงทุนตามสัดส่วนที่กำหนด ภายใต้เงื่อนไขการถือครองเงินสมทบเป็นระยะเวลา 48 เดือน และต้องคงสถานะการจ้างงานต่อเนื่อง โดยในปี 2567 พนักงานประจำประมาณร้อยละ 27 (ไม่รวมผู้บริหารระดับสูง) มีคุณสมบัติในการเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งโครงการมุ่งสนับสนุนความมั่นคงทางการเงินระยะยาวของพนักงาน พร้อมเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นผลงาน และสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อความสุขทั้งด้านร่างกายและจิตใจของพนักงาน พร้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมผ่าน “คณะกรรมการสวัสดิการ” ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากฝ่ายบริหารและพนักงานที่ได้รับการเลือกตั้ง โดยจัดประชุมอย่างน้อยทุก 3 เดือน เพื่อสะท้อนความคิดเห็นและร่วมกำหนดนโยบายด้านสวัสดิการที่ครอบคลุมทุกมิติของความเป็นอยู่ที่ดี

  • ส่งเสริมสุขภาพกายที่แข็งแรง: สนับสนุนให้พนักงานให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายของตนให้แข็งแรง จัดสถานที่ออกกำลังกาย (เช่น ยิม โต๊ะปิงปอง สนามฟุตบอล ห้องสำหรับคลาสเต้น โยคะและพิลาทิส) โปรแกรมตรวจสุขภาพ จัดอบรมการปฏิบัติตามหลักสรีรศาสตร์ รวมไปถึงได้มีการจัดกิจกรรมชมรมให้พนักงานเลือกเข้าร่วมได้ตามความสนใจ ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน การใช้ชีวิตที่กระฉับกระเฉงและสุขภาพดี ได้แก่ ชมรมฟุตบอล ชมรมพิคเคิลบอล ชมรมเทนนิส ชมรมบอร์ดเกมส์ ชมรมแบดมินตัน ชมรมวิ่ง และชมรมโยคะ
  • ส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจ: ส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาวะทางจิตใจที่ดี ด้วยการสนับสนุนสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้ออำนวยและการมีสมดุลที่ดีในชีวิตทำงาน พร้อมนำหลักการความสุขมวลรวมประชาชาติ (Gross National Happiness: GNH) มาปรับให้เข้ากับองค์กร จัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทัศนคติและมุมมองของพนักงานทุกคนให้มีความตระหนักรู้คุณค่าและความสุขของตนเอง อันจะนำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืนของสังคม รวมถึงจัดอบรมหลักสูตร “Mindful Compassion สติเพื่อความโอบอ้อมอารี” มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาสมาธิและสติตามแนวจิตวิทยาและศาสตร์สมอง ส่งเสริมทักษะการดูแลตนเองให้รู้สึกสงบ มั่นคง สมดุลได้ในทุกสถานการณ์
  • ส่งเสริมการทำงานรูปแบบไฮบริด: ส่งเสริมการทำงานที่ผสมผสานรูปแบบการทำงานระหว่างการทำงานจากสำนักงานและการทำงานจากสถานที่อื่นที่เหมาะสม (Working from Anywhere) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน โดยปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเชื่อมต่อและอำนวยความสะดวกในการทำงาน ให้พนักงาสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และความสัมพันธ์ในกลุ่มพนักงาน เพื่อสนับสนุนสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว พนักงานสามารถปรึกษากับหัวหน้างานเพื่อปรับช่วงเวลาปฏิบัติงานให้ยืดหยุ่นตามความเหมาะสม (Flexible Working Hours) รวมถึงนำแนวทางการจ้างงานที่หลากหลายมาใช้ เพื่อรองรับความต้องการของพนักงาน เช่น พนักงานประจำ การจ้างแบบฐานะที่ปรึกษาที่สามารถเลือกจำนวนวันทำงานต่อสัปดาห์ การจ้างแบบพิเศษหรือการจ้างชั่วคราวซึ่งรวมถึงพนักงานที่เกษียณแล้วตามระยะเวลาที่กำหนดเป็นรายเดือนหรือปี
  • ส่งต่อความสุขให้ครอบครัว: เราให้ความสำคัญของครอบครัวของพนักงานทุกคน จึงกำหนดนโยบายสวัสดิการด้านสุขภาพแบบยืดหยุ่น ที่เปิดโอกาสให้พนักงานสามารถแบ่งปันสิทธิประโยชน์แก่สมาชิกครอบครัว ได้แก่ บิดา มารดา คู่สมรส และบุตร ตัวอย่างสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุม ได้แก่ งบประมาณสำหรับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก ค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ เช่น ทันตกรรม กีฬาและสันทนาการ การตรวจสุขภาพ หรือตัดแว่นตา เป็นต้น นอกจากนี้เรายังมอบสวัสดิการที่สนับสนุนครอบครัวพนักงาน อาทิ สิทธิลาคลอดโดยรับค่าจ้างได้ 98 วัน สำหรับพนักงานหญิง สิทธิลาเพื่อดูแลบุตรแรกเกิด 3 วัน สำหรับพนักงานชาย และการสนับสนุนคุณแม่ให้นมบุตร โดยพนักงานหญิงสามารถจัดสรรเวลาเพื่อพักเก็บน้ำนมได้อย่างอิสระ พร้อมพื้นที่อำนวยความสะดวก เช่น ที่นั่ง โต๊ะ อ่างล้างมือพร้อมสบู่ ปลั๊กไฟ และตู้แช่แข็ง นอกจากนี้ เรายังจัดสรรวันลาเพื่อดูแลครอบครัวหรือบุคคลอันเป็นที่รัก อาทิ ลูกหลาน คู่สมรส ผู้อยู่ในความอุปการะ พ่อแม่ พี่น้อง หรือผู้เกี่ยวข้องอื่นที่มีปัญหาสุขภาพกายหรือสุขภาพจิตด้วยเช่นกัน
  • ส่งเสริมความสำคัญของเวลาพักผ่อนจากงาน: ส่งเสริมความสำคัญของการพักผ่อนและการดูแลตนเองของพนักงาน โดยจัดสรรวันหยุดประจำปีและวันหยุดเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด เช่น วันลาเพื่ออบรมและพัฒนาทักษะ วันลาสมรส เพื่อส่งเสริมสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวของพนักงาน
ความผูกพันของพนักงาน

จัดประเมินความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรประจำปี เพื่อรับฟังความคิดเห็นของพนักงาน ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจมุมมองและทัศนคติของพนักงานต่อองค์กร ตลอดจนนำผลจากการสำรวจมาวิเคราะห์ วางแผนและปรับปรุงการบริหารจัดการและการบริหารพนักงานได้ตรงประเด็นยิ่งขึ้น

ผลการดำเนินงานปี 2567

การปฏิบัติต่อพนักงาน

บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งมั่นปฏิบัติตามนโยบายและความมุ่งมั่นด้านแรงงานอย่างต่อเนื่อง ผ่านการดำเนินต่าง ๆ ดังนี้:

  • การประกันค่าจ้างที่เป็นธรรมและเพียงพอต่อการดำรงชีพ : เราดำเนินการทบทวนเงินเดือนประจำปีโดยอ้างอิงข้อมูลเปรียบเทียบจากอุตสาหกรรมทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของตนเองและครอบครัว
  • การติดตามความเท่าเทียมด้านค่าตอบแทนระหว่างเพศ : เราดำเนินการตรวจสอบช่องว่างของค่าตอบแทนระหว่างเพศอย่างเป็นระบบในทุกระดับงาน และในปี 2567 ได้ดำเนินการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างทั่วทั้งองค์กร เพื่อระบุจุดที่ควรปรับปรุงและวางแผนการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลในรายงาน “ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน” เป็นประจำทุกปี
  • การบริหารชั่วโมงการทำงานและการทำงานล่วงเวลา : เราบริหารจัดการชั่วโมงการทำงานอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานเกินเวลา พร้อมทั้งเปิดใช้งานระบบ Darwin Box ในช่วงปี 2567 ถึง 2568 เพื่อให้พนักงานบริหารจัดการเวลาการทำงานแบบออนไลน์ (online clock-in/out) พร้อมแสดงผลรายงานภาพรวมการทำงานตลอดทั้งปีอย่างโปร่งใส ทั้งนี้พนักงานสามารถปรับช่วงเวลาปฏิบัติงานให้ยืดหยุ่นตามความเหมาะสมตามนโยบาย Flexible Working Hours นอกจากนี้พนักงานที่ทำงานล่วงเวลามีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาตามกฎหมายแรงงานและข้อกำหนดภายในของบริษัท
  • การบริหารสิทธิลาพักผ่อนประจำปี : ระบบ Darwin Box ยังช่วยให้การติดตามวันลาคงเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยองค์กรสนับสนุนสิทธิการลาในหลายประเภท ทั้งตามกฎหมายและสิทธิเพิ่มเติมจากบริษัท รวมถึงอนุญาตให้โอนวันลาที่เหลือไปใช้ในปีถัดไปได้ภายใต้ระยะเวลาที่กำหนด เพื่อส่งเสริมให้พนักงานได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ (ข้อมูลเพิ่มเติม “ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน”)
  • การมีส่วนร่วมของตัวแทนพนักงาน : คณะกรรมการสวัสดิการ ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของพนักงาน เป็นกลไกหลักในการเป็นตัวแทนของพนักงานเพื่อสะท้อนความคิดเห็น โดยจัดประชุมรายไตรมาสเพื่อหารือสภาพการทำงาน รับฟังข้อเสนอแนะ และประสานความเข้าใจระหว่างฝ่ายบริหารกับพนักงาน ภายใต้กรอบกฎหมายแรงงานและแนวทางการมีส่วนร่วมของพนักงานภายในองค์กร
  • การส่งเสริมสวัสดิการทางสังคมที่ครอบคลุม : นอกเหนือจากระบบประกันสังคมตามกฎหมาย เรามีโปรแกรมสวัสดิการเพิ่มเติม ได้แก่ โบนัสประจำปีตามผลการปฏิบัติงาน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสุขภาพและประกันชีวิตแบบกลุ่ม สวัสดิการคลอดบุตร รางวัลสำหรับพนักงานอายุงานนาน ทุนการศึกษาบุตร และเงินกู้ฉุกเฉิน (ข้อมูลเพิ่มเติม “ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน”)
  • การเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เท่าเทียมและมีจริยธรรม : เราส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดจากแรงงานเด็ก แรงงานบังคับ การเลือกปฏิบัติ และการคุกคามในทุกรูปแบบ โดยดำเนินการตรวจสอบทุกขั้นตอนของการจ้างงานตั้งแต่การสรรหาจนถึงการพ้นสภาพงานให้เป็นไปตามกฎหมายแรงงานและมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ในปี 2567 เราได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Due Diligence) ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่คุณค่า เพื่อบูรณาการสิทธิแรงงานลงในระบบการบริหารความเสี่ยงขององค์กรอย่างเป็นระบบ (ข้อมูลเพิ่มเติม “สิทธิมนุษยชน”)
  • การพัฒนาทักษะและการรองรับการเปลี่ยนผ่าน : เราส่งเสริมการพัฒนาทักษะใหม่ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมและสภาพภูมิอากาศ เพื่อเตรียมความพร้อมในระยะยาว โดยตั้งเป้าหมายว่า “พนักงาน 100% ต้องมีทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อองค์กรแห่งอนาคต” (ข้อมูลเพิ่มเติม “ผลการดำเนินงานปี 2567 การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน”)

เราติดตามแนวปฏิบัติด้านแรงงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานความเป็นธรรมและความรับผิดชอบ โดยมีระบบร้องเรียนที่ปลอดภัยและเป็นความลับ เพื่อส่งเสริมให้พนักงานสามารถแสดงความเห็นได้โดยไม่ต้องกังวล เพราะความเคารพและความรับผิดชอบ คือหัวใจสำคัญของการดำเนินงานของเรา

การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน

บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมทั้งกายและใจอย่างสมดุล เพื่อเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของธุรกิจ โดยเสริมสร้างทักษะเชิงเทคนิค ความเป็นผู้นำ และองค์ความรู้ตามรากฐานการทำงานของบี.กริม ทั้งนี้ ในปี 2567 พนักงานร้อยละ 100 ได้รับการฝึกอบรม โดยมีจำนวนชั่วโมงฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรเฉลี่ย 34 ชั่วโมงต่อคน ทั้งในรูปแบบทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงคัดสรรเนื้อหาที่สอดคล้องกับรูปแบบการเรียนรู้ของพนักงาน (Learning Style) ความสนใจ ความสอดคล้องกับงานและแผนยุทธศาสตร์ รวมไปถึงการพัฒนาตามแผนพัฒนารายบุคคล

100%
ของพนักงาน ได้รับการพัฒนาทักษะทางดิจิทัล
58
โครงการฝึกอบรม
ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนารายบุคคล
34
ชั่วโมงฝึกอบรมเฉลี่ยต่อคน
มุ่งเน้นทักษะที่สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจในอนาคต อาทิ ทักษะด้านเทคนิค ทักษะความเป็นผู้นำ และทักษะด้านพลังงานทดแทน

ในปี 2567 บริษัทได้จัดโครงการฝึกอบรมที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยเปิดโอกาสให้พนักงานทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ พนักงานสัญญาจ้าง หรือพนักงานชั่วคราว เข้าร่วมได้ตามความเหมาะสมของบทบาทและความต้องการด้านการพัฒนาในแต่ละตำแหน่ง มีโครงการที่สำคัญ ดังนี้

  ชื่อโครงการ รายละเอียด รูปแบบและประเภท
1 หลักสูตรพัฒนาผู้บริหารรุ่นใหม่

พัฒนาและเตรียมความพร้อมให้พนักงานรุ่นใหม่ (อายุงาน 1-5 ปี) ให้เชี่ยวชาญด้านการบริหารธุรกิจและภาวะผู้นำ ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CBS Academy) เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจด้านการตลาดยุคใหม่ กลยุทธ์องค์กร และเครื่องมือทางธุรกิจที่จำเป็น พร้อมพัฒนาความสามารถในการทำงาน

รายละเอียดเพิ่มเติม

รูปแบบ1

Coaching or Mentorship
Teams and Networks

ประเภท

Leadership Development
2 หลักสูตรพัฒนาผู้นำระดับสูงเพื่อดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี

ยกระดับทักษะของผู้บริหารระดับสูงให้สามารถบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี ร่วมกับสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่งและบุคลากรศักยภาพสูงในองค์กร พร้อมเสริมสร้างเครือข่ายผู้นำ

รายละเอียดเพิ่มเติม

รูปแบบ

Coaching or Mentorship
Teams and Networks

ประเภท

Leadership Development
3 หลักสูตรหัวหน้างานมืออาชีพ หลักสูตรการพัฒนาผู้นำ จัดขึ้นเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำ ทักษะการบริหารทีม และความสามารถในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของผู้จัดการและหัวหน้างาน โดยครอบคลุม 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาตนเองเพื่อความเป็นผู้นำ (Leading Self) เช่น จริยธรรมและธรรมาภิบาลของผู้นำ การพัฒนาสติภาวะความเป็นผู้นำ การนำทีม (Leading Team) เช่น ทักษะการโค้ชและการให้คำปรึกษา เครื่องมือและเทคนิคการบริหารบุคคล และ การนำการเปลี่ยนแปลง (Leading Change) เช่น การสร้างพลังให้ผู้นำผ่านจุดแข็งและความร่วมมือ การคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในหัวข้อ จริยธรรมและธรรมาภิบาล มีการบรรจุเนื้อหาเรื่อง การแจ้งเบาะแส (Whistleblowing) เพื่อให้ผู้จัดการเข้าใจขั้นตอนและช่องทางการแจ้ง การคุ้มครองผู้แจ้ง ตลอดจนบทบาทของผู้นำในการส่งเสริมและสนับสนุนระบบแจ้งเบาะแส อันเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล

รูปแบบ

Coaching or Mentorship

ประเภท

Leadership Development
4 หลักสูตรการพัฒนาความเชี่ยวชาญตามสายงาน โดยเฉพาะทีมบริหารจัดการและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า พัฒนาทักษะเฉพาะด้านให้กับทีมบริหารจัดการและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานตามมาตรฐานสากลของธุรกิจพลังงาน อบรมโดยวิศวกรและ ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทชั้นนำ เพื่อให้พนักงานได้รับการอบรมเกี่ยวกับเครื่องจักร ระบบควบคุม และกระบวนการผลิตไฟฟ้าก่อนเริ่มปฏิบัติงานจริง

รูปแบบ

Coaching or Mentorship

ประเภท

Industry-Specific Learning
Technical skill
5 หลักสูตร “สติเพื่อความโอบอ้อมอารี” เสริมสร้างหลักการนำสมาธิและสติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและวิถีองค์กร เพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้และเข้าใจความสำคัญของการดำเนินชีวิตด้วยความรอบคอบ ตลอดจนสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวันอันจะสร้างสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง

รูปแบบ

Teams and Networks

ประเภท

Cultural Education
6 หลักสูตรพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล และการสร้างนวัตกรรม ยกระดับขีดความสามารถของพนักงานให้สามารถปรับตัวกับโลกธุรกิจดิจิทัลหรือยุคใหม่ และนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนานวัตกรรมภายในองค์กร อาทิ หลักสูตรด้าน Digital Transformation, AI, ChatGPT, Design Thinking และการบริหารนวัตกรรม

รูปแบบ

Coaching or Mentorship

ประเภท

Digital Transition
7 หลักสูตรพัฒนาทักษะด้านวิศวกรรม และเทคนิค รองรับยุทธศาสตร์ GreenLeap: Global and Green เสริมสร้างทักษะและเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานด้านเทคนิคที่สอดคล้องกับทิศทางธุรกิจขององค์กร ครอบคลุมการพัฒนาโซลูชันสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรม พลังงานหมุนเวียน และเชื้อเพลิงทางเลือกในอนาคต โดยร่วมพัฒนาหลักสูตรกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ

รูปแบบ

Coaching or Mentorship

ประเภท

Technical skill
Transition program2

1 รูปแบบการเรียนรู้ ประกอบด้วย 1) Coaching และ Mentorship เป็นกระบวนการพัฒนาบุคลากรผ่านการให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือบุคลากรที่มีประสบการณ์ เพื่อส่งเสริมทักษะเฉพาะด้าน การเติบโตในสายอาชีพ และศักยภาพการทำงาน ทั้งในรูปแบบการโค้ชชิ่งรายบุคคลและระบบพี่เลี้ยงภายในองค์กร และ 2) Teams & Networks เป็นแนวทางการเรียนรู้ผ่านการทำงานร่วมกันและการสร้างเครือข่ายทั้งภายในองค์กร เช่น การทำงานข้ามสายงาน และภายนอกองค์กร เช่น การเข้าร่วมชุมชนวิชาชีพหรือสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเสริมสร้างความร่วมมือระยะยาว

2 Transition Program โปรแกรมที่ช่วยเสริมสร้างความพร้อมและพัฒนาทักษะให้พนักงานในช่วงเปลี่ยนผ่านของอาชีพ ทั้งการเติบโตในองค์กรและขยายบทบาท การปรับตัวให้สอดคล้องกับเป้าหมายชีวิต การเตรียมความพร้อมก่อนเกษียณ การกลับเข้าสู่การทำงานหลังจากหยุดไปนาน หรือการเปลี่ยนบทบาทในองค์กร ผ่านการฝึกอบรมและการให้คำแนะนำ เพื่อให้พนักงานสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมั่นใจ

นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ให้ความสำคัญในการเสริมสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยการพัฒนาวิทยากรภายในองค์กร เพื่อเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะให้กับพนักงาน กระบวนการนี้เน้นการส่งเสริมการคิดอย่างเป็นระบบ ความมั่นคงทางอารมณ์ ความสร้างสรรค์ และการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกันบนความแตกต่าง หลากหลาย และนำไปสู่การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน

ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

ในปี 2567 เราได้ริเริ่มโครงการ B.Grimm Wellness ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ที่เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพกายและจิตใจได้อย่างครบวงจร โดยโครงการนี้มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจอย่างสมดุล ผ่านกิจกรรมและคลาสออกกำลังกายที่จัดขึ้นตลอดวันโดยมีผู้เชี่ยวชาญ ประกอบด้วยคลาสเต้นหลากสไตล์ คลาสโยคะ คลาสฟิตเนส และคลาสการฝึกหายใจอย่างถูกวิธี ทั้งแบบคลาสกลุ่มและคลาสส่วนตัว เพื่อความยืดหยุ่นและตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ พนักงานยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมในเวลาทำงานได้ โดยได้รับการอนุมัติจากหัวหน้างาน ทั้งนี้ B.Grimm Wellness สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบี.กริม ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตทั้งทางร่างกายและจิตใจของพนักงานอย่างแท้จริง

เอกสารที่เกี่ยวข้อง