โอกาสและความท้าทาย

สิทธิมนุษยชนเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับสากล องค์กรธุรกิจต่างมีเกี่ยวข้องกับมนุษย์ในทุกกระบวนการดำเนินงาน ย่อมส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งจากกิจกรรมของบริษัทโดยตรงและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน เช่น การละเมิดสิทธิชุมชน การเลือกปฏิบัติ หรือการใช้แรงงานบังคับ เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ องค์กรจำเป็นต้องบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน เพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อธุรกิจ ผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอก และภาพลักษณ์ขององค์กร และสร้างความได้เปรียบในระยะยาว

การบริหารจัดการและกลยุทธ์

บี.กริม เพาเวอร์ วางแนวทางในการบริหารจัดการประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมกิจกรรมของบริษัท และบริษัทภายใต้การควบคุม ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ โดยยึดตามหลักนโยบายสิทธิมนุษยชนของบริษัท และมาตรฐานและหลักการสากลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมวางแผนให้ดำเนินการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) และการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Risk & Impact Assessment) ในทุก ๆ 3 ปี เพื่อระบุมาตรการป้องกันและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นระบบและทันต่อสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ พร้อมรายงานผลการประเมินและผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการกำหนดกระบวนการและช่องทางรับข้อร้องเรียนในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ ในการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร (Materiality Assessment) เรายังพิจารณาถึงผลกระทบและความเสี่ยงในด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นในทุกกิจกรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงให้ความเคารพต่อสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนตามแนวทางปฏิบัติสากล ตลอดจนวางแนวทางเพื่อสร้างความตระหนักด้านการเคารพสิทธิมนุษยชนให้แก่พนักงาน คู่ค้า และกิจการร่วมค้า ผ่านการอบรมและการสื่อสาร ”จรรยาบรรณธุรกิจ” และ “จรรยาบรรณและแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของคู่ค้า” อย่างสม่ำเสมอ

การตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน

ดำเนินการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) ทุก ๆ 3 ปี เพื่อระบุมาตรการป้องกันและลดผลกระทบจากความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ครอบคลุมการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจใหม่ อาทิ กิจการร่วมค้าและการควบรวบกิจการ รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนในห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ ได้แก่ พนักงานทุกคนในการดำเนินงานของบริษัท คู่ค้า ลูกค้า และชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้หญิง เด็ก ชนพื้นเมือง แรงงานข้ามชาติ แรงงานบุคคลที่สาม คนพิการ สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และกลุ่มเพศทางเลือก (LGBTQI+) การดำเนินการดังกล่าว ถูกพัฒนาขึ้นตามหลักการชี้แนะว่าด้วยการดำเนินธุรกิจและสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP) ซึ่งประกอบด้วย การประกาศนโยบายสิทธิมนุษยชน การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน การบูรณาการและการจัดการภายใน การติดตามและรายงานประสิทธิภาพ และการเยียวยาผลกระทบ

การตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน

การประกาศนโยบายสิทธิมนุษยชน
กำหนดนโยบายสิทธิมนุษยชน เพื่อวางแนวทางในการบริหารจัดการประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมกิจกรรมของบริษัท และบริษัทภายใต้การควบคุม ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ สอดคล้องกับหลักการชี้แนะว่าด้วยการดำเนินธุรกิจและสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP) ประกอบด้วยเสาหลักสามด้าน ได้แก่ การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การเคารพสิทธิมนุษยชน และการเยียวยา
นอกจากนี้ยังประกาศ “ความมุ่งมั่นในการต่อต้านการเลือกปฏิบัติและต่อต้านการคุกคาม” มีจุดประสงค์เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงานให้พนักงานแต่ะละคนได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ปราศจากการเลือกปฏิบัติและการคุกคามใด ๆ รวมถึงการคุกคามทางเพศ
การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน

การประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน สอดคล้องกับหลักการชี้แนะว่าด้วยการดำเนินธุรกิจและสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ (UNGP) ซึ่งกำหนดให้มีการทบทวนอย่างน้อยทุกสามปี มีจุดประสงค์เพื่อตรวจสอบ ระบุและประเมินประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่มีโอกาสเกิดขึ้นในกิจกรรมของบริษัทและห่วงโซ่คุณค่า โดยมีกระบวนการดังนี้

รายละเอียดเพิ่มเติมในการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน: การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน

การบูรณาการและการจัดการภายใน

พิจารณาผลจากการประเมินด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัท อาทิ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และแนวทางการปรับปรุงการดำเนินการหรือมาตรการต่าง ๆ ในปัจจุบัน เพื่อนำผลประเมินฯ มาพัฒนาและบูรณาการให้เกิดเป็นแนวทางในการบริหารจัดการอย่างครอบคลุม และสามารถควบคุมผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้

การติดตามและรายงานประสิทธิภาพ

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านสิทธิมนุษยชนของบี.กริม เพาเวอร์ ทำหน้าที่ติดตามและทบทวนมาตรการทางด้านสิทธิมนุษยชนขององค์กรเป็นประจำทุกปี ให้เป็นไปตามหลักนโยบายและแนวทางปฏิบัติสากล เพื่อป้องกันความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการละเมิด ตลอดจนการรายงานผลการประเมินและผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ

การเยียวยาผลกระทบ

จัดช่องทางสำหรับผู้มีส่วนได้เสีย ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือผู้มีส่วนได้เสียภายนอก เพื่อรายงานข้อกังวล รวมถึงประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนผ่าน whistle-blowing@bgrimmpower.com เราจะดำเนินการสอบสวนเรื่องข้อข้องใจ อย่างเป็นกลางและครอบคลุมโดยผ่านขั้นตอนการร้องทุกข์โดยทันที ทั้งนี้การรายงานจะได้รับการปฏิบัติเป็นความลับเท่าที่เป็นไปได้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ นโยบายการแจ้งเบาะแสและการร้องทุกข์

บี.กริม เพาเวอร์ ได้เตรียมการดำเนินการแก้ไขเพื่อฟื้นฟูผู้ถือสิทธิ์ที่ได้รับผลกระทบซึ่งได้รับอันตรายจากกิจกรรมทางธุรกิจของเรา บริษัทกำหนดรูปแบบการเยียวยาใด ๆ ที่จะแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยมีผลลัพธ์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การขอโทษ การชดใช้ การฟื้นฟูสมรรถภาพ การชดเชยทางการเงินหรือที่ไม่ใช่ทางการเงิน การลงโทษ และการป้องกันอันตราย

ช่องทางการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดและการร้องทุกข์ด้านสิทธิมนุษยชน
หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบภายใน

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เลขที่่ 5 อาคารไวท์เฮ้าส์ (White House Building) ชัั้น 5 แขวงหัวหมาก เขต บางกะปิ กรุงเทพมหานคร 10240

ผลการดำเนินงานปี 2567

การอบรมและติดตามด้านสิทธิมนุษยชน

ในปี 2567 เรายังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามนโยบายสิทธิมนุษยชน และส่งเสริมการเคารพต่อสิทธิมนุษชนแก่พนักงานและคู่ค้า ดังนี้

  • จัดประชุมเชิงปฎิบัติการเพื่อ ตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) และการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Risk & Impact Assessment) ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก โดยเปิดโอกาสให้พนักงานจากทุกภาคส่วน ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มีส่วนร่วมในการระบุประเด็นสำคัญ ข้อกังวล และกรณีศึกษาที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนร่วมกันประเมินระดับความเสี่ยงและโอกาสครอบคลุมทุกระดับขององค์กร ทั้งการดำเนินงานของบริษัท บริษัทย่อย กิจการร่วมค้า รวมถึง คู่ค้าและผู้รับเหมา โดยบันทึกผลการประเมินลงในทะเบียนความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Risk Register) เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามและบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การทบทวนกระบวนการดังกล่าวได้จัดขึ้นเป็นประจำทุก 3 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและความเสี่ยงที่อาจเปลี่ยนแปลงไป พิจารณาปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและพร้อมรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีภาพรวมของผลลัพธ์ดังนี้ ี
    • พบประเด็นความเสี่ยงหลัก 4 ด้าน และดำเนินการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครบร้อยละ 100 พร้อมทบทวนแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่มีอยู่ และพัฒนาแนวทางเพิ่มเติมเพื่อจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
      1. อาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงานและคู่ค้า - ดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน การตรวจสุขภาพ การอบรม และระบบรายงานเหตุการณ์
      2. ความปลอดภัยด้านไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล - ดำเนินการอบรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ ควบคุมการเข้าถึงข้อมูล และกำหนดนโยบายความเป็นส่วนตัว
      3. มาตรฐานความเป็นอยู่ของชุมชน - เสริมสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้นำท้องถิ่น ส่งเสริมแนวทางแก้ไขร่วมกับชุมชน และติดตามผลกระทบอย่างสม่ำเสมอ
      4. สภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสมของพนักงานคู่ค้า - ดำเนินการตรวจประเมินความเสี่ยงด้าน ESG และสิทธิมนุษยชน สัมภาษณ์แรงงานหน้างาน และอบรมผู้รับเหมาในประเด็นสิทธิมนุษยชนและความปลอดภัย
  • จัดการอบรมในหัวข้อ “การสร้างความตระหนักด้านสิทธิมนุษยชน : จากแนวคิดสู่การปฏิบัติ” ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก เพื่อให้พนักงานเข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของสิทธิมนุษยชนในบริบททางธุรกิจ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนบทบาทของตนในการส่งเสริมและเคารพสิทธิมนุษยชนอย่างเหมาะสม พนักงานได้เรียนรู้จากกรณีที่เกิดขึ้นจริงในภาคธุรกิจพลังงาน ตลอดจนเน้นย้ำถึงความสำคัญของการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีพนักงานเข้าร่วม 486 คน และมีระดับความเข้าใจด้านสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 81.3 หลังการอบรม
  • พนักงานร้อยละ 100 ผ่านการอบรมและทดสอบจรรยาบรรณธุรกิจ ครอบคลุมเนื้อหาด้านสิทธิมนุษยชนและการไม่เลือกปฏิบัติ
  • คู่ค้าใหม่ร้อยละ 100 รับทราบและยอมรับจรรยาบรรณและแนวทางการปฏิบัติอย่างยั่งยืนของบริษัท ที่ครอบคลุมเนื้อหาด้านสิทธิมนุษยชนและการไม่เลือกปฏิบัติ

ในปี 2567 บี.กริม เพาเวอร์ ไม่ได้รับการแจ้งหรือมีข้อร้องเรียนด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท จึงไม่มีการดำเนินการเยียวยา ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงประเมินและตรวจสอบความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนในเชิงรุกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเคารพสิทธิมนุษยชนสำหรับผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนและเพื่อให้มั่นใจว่ามาตรการบรรเทาผลกระทบมีความเหมาะสมตลอดห่วงโซ่คุณค่า

ผลการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน

ในปี 2567 บี.กริม เพาเวอร์ ดำเนินการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Risk and Impact Assessment: HRRIA) ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าขององค์กร โดยมีประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีนัยสำคัญที่จัดอยู่ในระดับความเสี่ยงสูงมาก (Extreme Risk) จำนวน 4 ประเด็น ที่สะท้อนถึงการประเมินแนวโน้มในอนาคต โดยพิจารณาทั้ง “โอกาส” และ “ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น” หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม รวมถึงการพิจารณามาตรการป้องกันและลดความเสี่ยงอย่างเหมาะสม

ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีนัยสำคัญ (ระดับความเสี่ยงสูงมาก)

อาชีวอนามัยและความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่อุปทาน​

  • A1 พนักงาน​
  • A2 คู่ค้าและผู้รับเหมาที่อยู่ในสถานประกอบการของบริษัท​
  • A3 คู่ค้าและผู้รับเหมาที่อยู่ในสถานประกอบการของตนเอง

ความปลอดภัยด้านไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตลอดห่วงโซ่อุปทาน​

มาตรฐานความเป็นอยู่ของชุมชน​

สภาพการทำงานที่เหมาะสมของพนักงานของคู่ค้าและผู้รับเหมา​

ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีนัยสำคัญและแนวทางการบรรเทาและเยียวยาผลกระทบ

ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน รายละเอียด กิจกรรมที่มีความเสี่ยง ผู้มีส่วนได้เสีย แนวทางการบรรเทาและเยีวยาผลกระทบ
A: อาชีวอนามัยและความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่อุปทาน ความเสี่ยงที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่ปลอดภัย โครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย หรือขาดความพร้อมในการรับมือ
  • พื้นที่ปฏิบัติงาน (โรงไฟฟ้า)
  • กิจกรรม/พื้นที่ปฏิบัติงานของคู่ค้า/ผู้รับเหมา
  • การก่อสร้าง
  • พนักงาน
  • คู่ค้า/ผู้รับเหมา
  • ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
  • จัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) และฝึกอบรมด้านความปลอดภัยตามลักษณะงาน
  • ส่งเสริมระบบรายงานเหตุการณ์ ตรวจสุขภาพประจำปี และตรวจสอบความพร้อมในการทำงาน
  • ตรวจสอบระบบความปลอดภัยของคู่ค้าและผู้รับเหมาอย่างสม่ำเสมอ

รายละเอียดเพิ่มเติม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย

B: ความปลอดภัยด้านไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตลอดห่วงโซ่อุปทาน ความเสี่ยงที่อาจเกิดการรั่วไหลของข้อมูล การโจมตีทางไซเบอร์ หรือการนำข้อมูลไปใช้โดยมิชอบ ทั้งจากภายในและบุคคลภายนอก
  • พื้นที่ปฏิบัติงาน (โรงไฟฟ้า)
  • กิจกรรม/พื้นที่ปฏิบัติงานของคู่ค้า/ผู้รับเหมา
  • พนักงาน
  • คู่ค้า/ผู้รับเหมา
  • จัดอบรมความรู้ด้านการปกป้องข้อมูลและความตระหนักรู้ด้านไซเบอร์
  • จัดทำแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์และบทลงโทษ
  • บังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูล (NDA) กับบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง
  • เสริมสร้างความตระหนักรู้ผ่านโครงการต่างๆ ในด้านไซเบอร์

รายละเอียดเพิ่มเติม ความปลอดภัยด้านไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

C: มาตรฐานความเป็นอยู่ของชุมชน ความเสี่ยงที่อาจเกิดผลกระทบต่อชุมชนจากโรงไฟฟ้า อาทิ ความขัดแย้งด้านการใช้ที่ดิน การเข้าถึงแหล่งน้ำ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบ
  • พื้นที่ปฏิบัติงาน (โรงไฟฟ้า)
  • สังคม/ชุมชนรอบโรงไฟฟ้า
  • สื่อสารกับชุมชนผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการ
  • การส่งเสริมการประกอบอาชีพทางเลือกที่ยั่งยืน
  • ประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและแหล่งน้ำที่อาจเกิดจากโรงไฟฟ้า
  • ติดตามการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

รายละเอียดเพิ่มเติม การพัฒนาชุมชนและสังคม

D: สภาพการทำงานที่เหมาะสมของพนักงานของคู่ค้า/ผู้รับเหมา ความเสี่ยงที่อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่ปลอดภัย ชั่วโมงทำงานเกินกฎหมาย และขาดหลักประกันด้านแรงงาน
  • กิจกรรม/พื้นที่ปฏิบัติงานของคู่ค้า/ผู้รับเหมา
  • การก่อสร้าง
  • พนักงานของคู่ค้า/ผู้รับเหมา
  • สถานประกอบการของตนเอง
  • ตรวจประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
  • พัฒนาศักยภาพคู่ค้าและผู้รับเหมา ผ่านการอบรมด้านความยั่งยืนและสิทธิมนุษยชน
  • บูรณาการมาตรฐาน/ข้อกำหนดด้านแรงงานในระดับสากล ลงในสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง
  • ร่วมมือกับคู่ค้าลำดับที่ 1 (Tier-1) อย่างจริงจัง เพื่อขยายการติดตามไปยังลำดับอื่นๆ ต่อไป

รายละเอียดเพิ่มเติม ห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน

ผลลัพธ์การประเมินผลการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน

ผู้ได้รับผลกระทบ ผลการประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน
พื้นที่ปฏิบัติงาน (โรงไฟฟ้า)
  • ร้อยละ 100 ของพื้นที่ปฏิบัติงานได้รับการประเมินผลกระทบฯ (52 แห่ง)
  • พื้นที่ปฏิบัติงานที่ถูกประเมินร้อยละ 28.85 มีความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชนในระดับสูงมาก (15 แห่ง)
  • ร้อยละ 100 ของพื้นที่ปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงสูงได้มีการกำหนดแนวทางแก้ไขและมาตรการบรรเทาแล้ว (15 แห่ง)
คู่ค้าลำดับที่ 1
  • ร้อยละ 100 ของคู่ค้าลำดับที่ 1 ได้รับการประเมินผลกระทบฯ (1,210 ราย)
  • คู่ค้าลำดับที่ 1 ที่ถูกประเมิน ร้อยละ 1.98 มีความเสี่ยงทางด้านสิทธิมนุษยชนในระดับสูงมาก (24 ราย)
  • ร้อยละ 100 ของคู่ค้าลำดับที่ 1 ได้มีการกำหนดแนวทางแก้ไขและมาตรการบรรเทาแล้ว (24 ราย)
กิจการร่วมค้า
  • ร้อยละ 100 ของพื้นที่ปฏิบัติงานของกิจการร่วมค้าได้รับการประเมินผลกระทบฯ (13 แห่ง)
  • ไม่มีพื้นที่ปฏิบัติงานของกิจการร่วมค้าที่อยู่ในระดับความเสี่ยงสูงมาก
  • ร้อยละ 100 ของพื้นที่ปฏิบัติงานของกิจการร่วมค้าได้มีการกำหนดแนวทางแก้ไขและมาตรการบรรเทาแล้ว