โอกาสและความท้าทาย
การมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจโลก เพื่อจำกัดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นจะต้องมีการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของโลกลงถึงร้อยละ 80 ภายในปี 2593 ก่อให้เกิดมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ในระดับสากล อาทิ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism) เริ่มทดลองใช้ในสหภาพยุโรปในปี 2566 และมีแนวโน้มในการขยายขอบเขตครอบคลุมประเภทธุรกิจและภูมิภาคอื่นของโลกเพิ่มเติมภายในปี 2573 ทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บี.กริม เพาเวอร์ ตระหนักถึงความสำคัญของความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ โดยประเมินผลกระทบต่อธุรกิจและผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ เรามุ่งมั่นพัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ การจัดการความเสี่ยง รวมถึงเป้าหมายและตัวชี้วัด เพื่อบูรณาการกิจกรรมเหล่านี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ได้เปิดเผยข้อมูลการดำเนินการและการประเมินผลกระทบทางการเงินจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจเกิดขึ้นตามหลักเกณฑ์ Task Force on Climate-Related Financial Disclosure (TCFD) ซึ่งแสดงความเชื่อมโยงระหว่าง กลยุทธ์ขององค์กร การบริหารความเสี่ยง และแผนการดำเนินงานภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน
ปี 2566 ผลการดำเนินงาน |
ปี 2573 เป้าหมาย |
|
---|---|---|
กำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน1 (% ของกำลังการผลิตทั้งหมด) | 27% | › 50% |
อัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 และ 2 (tCO2e/MWh) | 0.37 | ‹ 0.28 2 |
1 นับจากโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการทั้งหมด ณ สิ้นปี
2 หรือลดลงในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 21 จากปีฐาน (2564)
บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งมั่นเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก 2 องศาเซลเชียส (2.0°C pathway) ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการประชุม COP21 ณ กรุงปารีส (ความตกลงปารีส Paris Agreement) โดยกำหนดแผนงานให้บรรลุเป้าหมายขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA – International Energy Agency) สำหรับกลุ่มประเทศนอกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD – Organization for Economic Co-operation and Development) มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593
อัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยไฟฟ้า (tCO2e/MWh)
การบริหารจัดการและกลยุทธ์
ความมุ่งมั่นของเรา
บี.กริม เพาเวอร์มีโครงสร้างการกำกับดูแลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจน รวมถึงกรอบการจัดการกับความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยรวมการจัดการ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อดังกล่าวสู่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ทั้งสำหรับโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและการขยายธุรกิจ เรามุ่งมั่นสร้างคุณค่าระยะยาวโดยคำนึงถึงผลประโยชน์และผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน เราเชื่อมั่นว่าการกำกับดูแลอันมั่นคง มีการตรวจสอบภายในและถ่วงดุลที่เหมาะสม เป็นพื้นฐานสำคัญอย่างยิ่งต่อการนำพาองค์กรตามแนวทางความยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593
ด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี การปฏิบัติการด้านผลกระทบและการดูแลสภาพภูมิอากาศถือว่ามีความสำคัญเป็นอันดับต้นในองค์กร ในเส้นทางสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของเรา ประกอบด้วยนโยบายไม่ลงทุนในถ่านหินและ การปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเพื่อลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิต นอกจากนี้เรามุ่งมั่นพัฒนาและลงทุนในการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับต่ำด้วยแหล่งพลังงานที่มีเสถียรภาพในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อสนับสนุนชุมชน สังคม ประเทศต่าง ๆ รวมถึงโลก
โครงสร้างการกำกับดูแล
- คณะกรรมการบริษัทมีบทบาทที่สำคัญในการกำกับดูแลและติดตาม รวมทั้งเฝ้าระวังความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์ขององค์กรด้านสภาพภูมิอากาศสอดคล้องและสนับสนุนนโยบายต่าง ๆ ของบริษัท
- คณะกรรมการได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการและความยั่งยืน เป็นคณะกรรมการชุดย่อย ทำหน้าที่ตัดสินใจในประเด็นด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ดังนี้
- การประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศต่อการดำเนินงาน การเงิน และชื่อเสียงของบริษัท อาทิ ความเสี่ยงจากสภาพอากาศแปรปรวน การเปลี่ยนแปลงกฎหมายรวมถึงการเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า
- การพัฒนาและปรับปรุงนโยบายและกลยุทธ์ของบริษัทเพื่อตอบสนองต่อความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น เพิ่มการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
- ติดตามความคืบหน้าของกลยุทธ์และการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องผ่านเป้าหมายและตัวชี้วัดเพื่อวัดผลความก้าวหน้าและความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานตามความเหมาะสม
- จัดให้มีการรายงานข้อมูลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงข้อมูลความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในรายงานทางการเงินในช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจในความโปร่งใสของบริษัทในการบริหารความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- วิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อรายงานต่อคณะกรรมการบริษัท โดยระบุและประเมินความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติการ การเงิน และชื่อเสียงของบริษัท ครอบคลุมกรณีสภาพอากาศแปรปรวน การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย รวมถึงการเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า
- พัฒนาแผนงานและแผนปฏิบัติงานเพื่อความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์และนโยบายจากคณะกรรมการบริษัท โดยกำหนดเป้าหมายและแผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืนให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์กร มีการทบทวนความคืบหน้าและผลการปฏิบัติงานทุกไตรมาส และรายงานต่อคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการและความยั่งยืนทุกครึ่งปี
- จัดตั้งคณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน ประกอบด้วยพนักงานระดับอาวุโสจากแต่ละหน่วยงานใน บี.กริม เพาเวอร์มาร่วมกันดำเนินงานและกิจกรรมต่างๆ ในด้านสภาพภูมิอากาศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และรายงานผลการดำเนินงานและข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงแผนงานต่อคณะกรรมการจัดการ
- จัดให้มีทีมงานสนับสนุนฝ่ายปฏิบัติการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน ในการดำเนินนโยบายและแผนงานอย่างมีประสิทธิผล
- วางเป้าหมายและผลตอบแทนต่อผู้ปฏิบัติงานทั้งในระดับผู้บริหารและระดับผู้จัดการของหน่วยงานต่างๆ ต่อผลงานที่เชื่อมโยงต่อการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศ อาทิ การลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยการผลิต การพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
การส่งผ่านข้อมูลภายใต้โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการ
กลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยง
ภายใต้วิสัยทัศน์ “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี” เราได้พัฒนากลยุทธ์หลัก “GreenLeap – Global and Green” มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการเป็นผู้นำในการบริหารพลังงานที่ยั่งยืน เป้าหมายของเราคือการส่งมอบพลังงานและการบริการที่ครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา เราให้คำมั่นสัญญาที่จะสร้างสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งกับพันธมิตรทั้งในประเทศและระดับโลก เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
- เราติดตามการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด โดยมีการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงและแผนดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปรับปรุงการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยเทคโนโลยีพลังงานสะอาด พร้อมทั้งวางนโยบายการลงทุนเพื่อการเติบโตในธุรกิจพลังงานทดแทนเพื่อความยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดการใช้พลังงานผ่านโครงการอนุรักษ์พลังงาน
- หน่วยงานบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์องค์กร และความยั่งยืนของเรา และที่ปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากภายนอกได้ร่วมกันประเมินเพื่อระบุความเสี่ยงด้านกายภาพและความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน รวมถึงผลกระทบในเชิงปริมาณที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรอบด้านโดยรวบรวมและจัดทำเป็นรายงานโดยคณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท
- แผนภาพด้านล่างแสดงกระบวนการที่เราใช้ในการระบุ ประเมินและจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ และการบูรณาการเข้ากับการบริหารความเสี่ยงทั้งหมดขององค์กร ครอบคลุมด้านกลยุทธ์องค์กร การเงิน ความเป็นผู้นำและคุณค่าต่อผู้มีส่วนได้เสีย ชื่อเสียงองค์กรและการกำกับดูแลกิจการขององค์กร การดำเนินธุรกิจ และการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆ
การบริหารความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศของ บี.กริม เพาเวอร์
ความเสี่ยงด้านกายภาพ
เราพิจารณาเลือกความเสี่ยงด้านกายภาพที่มีผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญมาทำการวิเคราะห์เหตุการณ์และแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นผ่านฉากทัศน์ต่าง ๆ เพื่อยืนยันว่ากลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีความยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม เราระบุความเสี่ยงด้านกายภาพตามตำแหน่งที่ตั้งของโรงไฟฟ้าและสถานที่ตั้งของหน่วยงาน
โดยมีวิธีการดำเนินงาน 4 ขั้นตอนผ่านการวิเคราะห์จากข้อมูลในอดีต และความเป็นไปได้หรือแนวโน้มที่ความเสี่ยงจะเกิดขึ้น เพื่อใช้ในการระบุความเสี่ยง การประเมินความเสี่ยง และการวางแผนงานในการบริหารจัดการความเสี่ยง ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: การวิเคราะห์ฉากทัศน์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ขั้นตอนที่ 2: ระบุผลกระทบต่อธุรกิจและการดำเนินงานอย่างชัดเจน
ขั้นตอนที่ 3: ประเมินความรุนแรงและของผลกระทบต่อธุรกิจและการดำเนินงาน รวมทั้งผลกระทบด้านการเงิน
ขั้นตอนที่ 4: พัฒนาแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ได้ระบุไว้
การประเมินความเสี่ยงของโรงไฟฟ้าทุกโรงตั้งอยู่บนสมมติฐานที่สภาพภูมิอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงที่สุด ส่งผลต่อการเกิดภาวะ ‘water stress’ หรือความเครียดน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าของเรามีการจัดทำแนวทางบริหารจัดการน้ำในการผลิตไฟฟ้าเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวและตั้งเป้าหมายในการลดการใช้น้ำรวมถึงวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำในการผลิต
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านคือความเสี่ยงด้านการเงินจากการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบผลิตไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดคาร์บอนต่ำในอนาคต ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของบี .กริม เพาเวอร์
คณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืนของเราได้ทำการระบุความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่าน ระบุขอบเขตของผลกระทบ และช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน โดยเลือกความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นรวมทั้งโอกาสทางธุรกิจที่จะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัท ประกอบไปด้วย
- กลไกและการกำหนดราคาคาร์บอน รวมไปถึงภาษีคาร์บอน ระบบซื้อขายสิทธิ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (emission-trading system – ETS)
- กฎข้อบังคับของการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เข้มข้นขึ้น
- ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีที่ปล่อยมลพิษต่ำ
- การเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้า
- การเปลี่ยนแปลงด้านชื่อเสียงของบริษัทในมุมมองของนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย
โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์ภายใต้แนวโน้มหรือฉากทัศน์ที่แตกต่างกันใน 3 มิติได้แก่ ช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายของการลดอุณหภูมิโลก และเป้าหมายของกฎเกณฑ์ที่เป็นกรอบใหญ่ของประเทศและภาคอุตสาหกรรม
การระบุความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ
บี.กริม เพาเวอร์ ได้พิจารณาความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีผลกระทบต่อผลประกอบการและองค์กรอย่างชัดเจนใน 3 ช่วงเวลาด้วยกันคือ
1. ช่วงระยะสั้น ปี พ.ศ. 2566 ถึง พ.ศ. 2568
2. ช่วงระยะกลาง ปี พ.ศ. 2569 ถึง พ.ศ. 2573
3. ช่วงระยะยาว ปี พ.ศ. 2574 ถึง พ.ศ. 2593
ความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ
ความเสี่ยงด้านกายภาพ | |
ผลกระทบฉับพลันและรุนแรง | ผลกระทบระยะยาวและต่อเนื่อง |
ช่วงเวลา ระยะกลางถึงยาว P1 น้ำท่วม P2 พายุใต้ฝุ่น |
ช่วงเวลา ระยะกลางถึงยาว P3 ระดับน้ำทะเลหนุนสูง P4 สภาพอากาศร้อนมาก P5 ความเครียดน้ำ |
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน | |
ผลกระทบจากนโยบายและกฏหมาย | ผลกระทบจากเทคโนโลยี |
ช่วงเวลา ระยะกลางถึงยาว T1 ค่าใช้จ่ายด้านคาร์บอน (ภาษี เงินช่วยเหลือ) T2 กฎระเบียบที่มีผลกระทบต่อการซื้อขายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและการรายงานก๊าซเรือนกระจกที่เข้มข้นขึ้น |
ช่วงเวลา ระยะกลางถึงยาว T3 ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ |
ผลกระทบจากตลาด | ผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กร |
ช่วงเวลา ระยะกลางถึงยาว T4 ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น (ก๊าซธรรมชาติ ก๊าชธรรมชาติเหลว) T5 พฤติกรรมผู้บริโภคสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ |
ช่วงเวลา ระยะกลางถึงยาว T6 การเปลี่ยนแปลงของชื่อเสียงองค์กรในหมู่นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย |
โอกาสทางธุรกิจ | |
ประสิทธิภาพด้านทรัพยากร | แหล่งพลังงาน |
ในทุกช่วงเวลา O1 เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน |
ช่วงเวลา ระยะกลางถึงยาว O2 เปลี่ยนสู่การกระจายการผลิตไฟฟ้า O3 รายได้จากการขายไฟฟ้าที่ผ่านมาตรฐานการรับรองคุณลักษณะทางพลังงาน |
ผลิตภัณฑ์และบริการ | ตลาด |
ช่วงเวลา ระยะกลางถึงยาว O4 ขยายธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์และบริการคาร์บอนต่า |
ช่วงเวลา ระยะกลางถึงยาว O5 ขยายธุรกิจสู่ตลาดแห่งใหม่ |
เนื่องจากรายได้หลักของ บี.กริม เพาเวอร์ มาจากการขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาการซื้อขายระยะยาว เราจึงมุ่งเน้นการบริหารและจัดการความเสี่ยงในช่วงระยะเวลาสั้นถึงกลาง ส่วนระยะยาวจะมุ่งเน้นการค้นหาโอกาสทางธุรกิจ
เราได้ศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อธุรกิจของเราโดยอ้างอิงแหล่งข้อมูลทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อจัดเตรียมแนวทางที่เหมาะสมที่สุดต่อการรับมือกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้า แหล่งข้อมูลที่สำคัญมาจากการประชุมของคณะทำงานเพื่อพัฒนากรอบการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (TCFD – Task Force on Climate-related Financial Disclosures) โดยเฉพาะการประชุมว่าด้วยเรื่อง ”การเปิดเผยข้อมูลในช่วงการเปลี่ยนผ่าน การเปิดเผยข้อมูลด้านการเงินและโอกาสใหม่ทางธุรกิจของอุตสาหกรรมไฟฟ้า การผลิตและสาธารณูปโภค” นอกจากนี้ เราได้นำคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญต่างๆ มาร่วมวิเคราะห์และพิจารณาทั้งด้านความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจและการดำเนินงาน และอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการและการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ ของเรา
โดยสรุปเราสามารถระบุความเสี่ยงด้านกายภาพได้ 5 ด้าน ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านใน 6 ด้าน และโอกาสทางธุรกิจใน 5 ด้านที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงระยะเวลาสั้นถึงกลาง หรือในช่วงปี พ.ศ. 2566-2573 ดังแสดงในรูป ความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ
หลังจากการระบุความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจดังกล่าวแล้ว เราจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อร่วมกันพิจารณาและประเมินผลกระทบจากความเสี่ยงแต่ละตัวต่อธุรกิจและผลประกอบการของเราภายใต้ฉากทัศน์ต่างๆ ที่เราคาดไว้ โดยมีความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญตามตาราง “ตัวชี้วัดในการบริหารความเสี่ยง”
ตัวชี้วัดในการบริหารความเสี่ยง
ความเสี่ยง | คำอธิบายและเหตุผล | ตัวชี้วัด |
---|---|---|
P5. ความเครียดน้ำ (Water Stress) หรือการขาดแคลนน้ำ |
|
|
T1. ความเสี่ยงจากราคาคาร์บอน |
|
|
O3. โอกาสในการขายผลิตภัณฑ์และบริการสีเขียว อาทิ เครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (I-REC (E)) |
|
|
การประเมินความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ
บี.กริม เพาเวอร์ ได้นำความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญและตัวชี้วัดมาพิจารณาผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทในเชิงปริมาณเพื่อแสดงผลกระทบต่อผลประกอบการและการเงินผ่านฉากทัศน์ต่างๆ ที่คาดว่าอาจเกิดขึ้นได้ โดยพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องดังนี้
เป้าหมายการลดอุณหภูมิโลก ตามมาตรการของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ซึ่งสัมพันธ์กับแนวทางการดำเนินงานที่เป็นไปได้ทั้งหมดดังนี้
ฉากทัศน์ | คำอธิบาย | ผลกระทบต่อแนวทางดำเนินงาน |
---|---|---|
1. SSP1 1-2.6 (1.5 oC) Scenario |
|
|
2. SSP1 2-4.5 (2 oC) Scenario |
|
|
3. SSP1 5-8.5 (4.4 oC) Scenario |
|
|
1Shared Socioeconomic Pathways
ฉากทัศน์จากกฎเกณฑ์และเป้าหมายของประชาคมโลก จากรายงานขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ ก่อให้เกิดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่านซึ่งส่งผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบต่อบี.กริม เพาเวอร์ อาทิ แรงกดดันจากผู้มีส่วนได้เสียให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เราสามารถทำกำไรจากธุรกิจเดิมลดลง แต่รายได้จากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและการขายเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของเราเติบโตขึ้น โดยฉากทัศน์ที่เกี่ยวข้องมี 3 เหตุการณ์ ได้แก่
- Stated Policies Scenario – STEPS (นโยบายประกาศจริง)
เป็นนโยบายที่ประกาศโดยประเทศต่างๆ ที่สะท้อนและแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของโลกในความต้องการใช้พลังงานในแต่ละประเภทในปริมาณเท่าใดในแต่ละช่วงเวลาของอนาคต) - Sustainable Development Scenario – SDS
เป้าหมายที่แต่ละประเทศต้องร่วมกันดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ - Net-Zero Emission Scenario – NZE
เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
เมื่อนำเป้าหมายที่แตกต่างกันทั้งสามมาประกอบในการพิจารณา เราสามารถวิเคราะห์ถึงผลกระทบโดยใช้สมมติฐานต่างๆ ในแต่ละฉากทัศน์และเป้าหมายเพื่อชี้ให้เห็นชัดถึงตัวชี้วัดในการบริหารความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจ สมมติฐานเหล่านี้นำมาสรุปในภาพดังต่อไปนี้
มูลค่าเป็นตัวเลขของตัวชี้วัดวิเคราะห์จากฉากทัศน์ของสภาพภูมิอากาศที่ต่างกัน
ความเสี่ยงด้านกายภาพ | SSP5-8.5 (4.4°C) Scenario | SSP2-4.5 (2°C) Scenario | SSP1-2.6 (1.5°C) Scenario |
---|---|---|---|
ความเครียดน้ำ หรือการขาดแคลนน้ำสำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม |
กังหันไอน้ำหยุดการผลิต 30 วันต่อครั้ง 1 | กังหันไอน้ำหยุดการผลิต 15 วันต่อครั้ง 1 | ไม่เกิดผลกระทบ 2 |
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน | STEPS (2.3°C) Scenario | SDS (1.65°C) Scenario | NZE (1.5°C) Scenario |
---|---|---|---|
ภาษีคาร์บอน3 |
-4 | 34 USD/tCO2 | 60 USD/tCO2 |
รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับการรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (I-RECs) |
2 USD/MWh | 3 USD/MWh | 5 USD/MWh |
1 เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าบางแห่ง
2 เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าบางแห่ง
3 อ้างอิงจากอัตราภาษีคาร์บอนอ้างอิงนโยบายภาษีคาร์บอนของประเทศสิงคโปร์ โดยมีอัตราที่ 34 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์ในกรณีสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ 60 เหรียญสหรัฐในกรณีสอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
4 สมมติฐานว่าหากรัฐบาลไทยประกาศบังคับใช้ภาษีคาร์บอน จะเลือกใช้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาติ คือที่เป้าหมายอุณหภูมิโลกจะสูงขึ้น 1.65 องศาเซลเชียสก่อนสิ้นสุดศตวรรษนี้ ทำให้ไม่มีการจ่ายภาษีคาร์บอน ในฉากทัศน์ของนโยบายประกาศจริง (STEPS)
ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์จะได้รับผลกระทบต่อรายได้และต้นทุนจากตัวชี้วัดดังกล่าวในปี 2573 ดังนี้
ผลกระทบจากความเสี่ยงและโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศต่อธุรกิจของบริษัทฯ ในปี พ.ศ. 2573
ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ | ความเสี่ยงด้านกายภาพ | ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน | โอกาสทางธุรกิจ |
---|---|---|---|
ความเสี่ยง |
P1. ความเครียดน้ำและการขาดแคลนน้ำ |
T1. ความเสี่ยงจากราคาคาร์บอน |
O3. โอกาสจากการขายผลิตภัณฑ์และบริการ
|
สินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบ |
โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ | โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ | โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ |
ผลกระทบจากความเสี่ยงที่ระบุไว้ |
การขาดแคลนน้ำอาจทำให้การผลิตไอน้ำร้อนต้องหยุดชะงักและต้นทุนค่าน้ำสูงขึ้น | กฎหมายการกำหนดราคาคาร์บอนอาจเพิ่มต้นทุนต่อการดำเนินงาน หากมีบทบัญญัติห้ามการส่งผ่านค่าใช้จ่ายดังกล่าวต่อลูกค้า | มีการพัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อการผลิตและขายผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับการรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ทําให้มีรายได้เพิ่มขึ้น |
ผลกระทบต่อผลประกอบการที่คาดไว้ในปี พ.ศ. 2573 |
98-195 ล้านบาท1 | 0-15,300 ล้านบาท2 | 125-315 ล้านบาท5 |
ค่าใช้จ่ายในการบริหารและบรรเทาความเสี่ยง
|
9-39 ล้านบาท3 | 29 ล้านบาท4 | - |
1 ผลกระทบต่อผลประกอบการจากการขาดแคลนน้ำอ้างอิงจาก WRI-Aqueduct ประกอบกับข้อมูลปริมาณน้ำที่มีจริงในแต่ละพื้นที่ โดยมีโรงไฟฟ้าได้รับผลกระทบ 4 แห่งประเมินผลกระทบในแต่ละครั้งเป็นจำนวนเงิน 98 ล้านบาทในกรณี SSP 5-8.5 (สมมติฐานให้อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นไม่เกิน 4.4 องศาเซลเชียสในศตวรรษนี้) หรือ 195 ล้านบาทในกรณี SSP 2-4.5 (สมมติฐานให้อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเชียสในศตวรรษนี้) และเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น 1 ครั้งทุก 5 ปี
2 เนื่องจากการขายไฟฟ้าในประเทศไทยเป็นแบบระบบผู้ซื้อรายเดียว และภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าของบริษัทฯ นั้น มีความเป็นไปได้สูงที่ภาษีคาร์บอนจะไม่ได้จัดเก็บที่ผู้ผลิต แต่จัดเก็บที่ผู้บริโภค ทำให้บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีคาร์บอนมาก ในกรณีที่ บริษัทฯ ต้องรับภาระภาษีคาร์บอนและไม่สามารถส่งผ่านไปยังผู้บริโภคได้ ประมาณการผลกระทบอยู่ระหว่าง 8,670-15,300 ล้านบาท (บนสมมติฐานราคาภาษีคาร์บอนที่ 34-60 เหรียญสหรัฐต่อตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า)
3 แผนการบรรเทาผลกระทบระยะสั้นของบริษัทฯ คือการขนส่งน้ำเพิ่มเติมทางรถบรรทุกคิดเป็นค่าใช้จ่าย 9 ล้านบาท และระยะยาวคือการจัดทำบ่อกักเก็บน้ำเพิ่มเติมคิดเป็นค่าใช้จ่ายราว 39 ล้านบาท
4 ในปัจจุบัน เราได้ดำเนินการปรับปรุงกังหันก๊าซคิดเป็นค่าใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ 29 ล้านบาท สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตได้ปีละ 0.03 ล้านตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และช่วยลดค่าเชื้อเพลิงในการเดินเครื่องทำให้เกิดการลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้ด้วย
5 คาดการณ์ค่าใช้จ่ายการซื้อขายผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับการรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน จำนวนเงิน 2 ล้านบาท
แผนการปรับตัวต่อความเสี่ยงด้านกายภาพ
การขาดแคลนน้ำในพื้นที่โรงไฟฟ้าถือเป็นความเสี่ยงด้านกายภาพที่สำคัญต่อธุรกิจของเรา บี.กริม เพาเวอร์ จึงกำหนดให้โรงไฟฟ้าทุกโรงติดตามข้อมูลปริมาณน้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิดจากสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานในพื้นที่ และจัดทำแผนฉุกเฉินและแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว อาทิ
- ระบุให้บริษัทฯ สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้จัดส่งน้ำได้ตามสัญญาการซื้อขายน้ำในกรณีที่น้ำมีคุณภาพต่ำ
- จัดทำรายการผู้จัดส่งน้ำสำรองที่สามารถจัดส่งน้ำให้ได้ในช่วงวิกฤติ
- ปรับปรุงระบบจัดการน้ำหล่อเย็นสำหรับหอหล่อเย็นให้มีประสิทธิภาพ
- นำน้ำที่แยกได้จากกระบวนการตกตะกอนมาหมุนเวียนใช้ในกระบวนการผลิต
- จัดทำคู่มือการทำงานโดยมีแผนการปฏิบัติงานในช่วงการขาดแคลนน้ำ
ดูรายละเอียดของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำและการนำกลับมาใช้ใหม่ของเราได้ที่หัวข้อการจัดการน้ำในหน้า “การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ”
ผลการดำเนินงานปี 2566
ค่าความเข้มข้นการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (หน่วยตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อเมกะวัตต์-ชั่วโมง)
บี.กริม เพาเวอร์ ในฐานะบริษัทผู้ผลิตและบริการพลังงานไฟฟ้าชั้นนำ มีความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกกระบวนการผลิต และผลักดันให้องค์กรในห่วงโซ่ธุรกิจทุกรายให้ร่วมมือเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน ผ่านการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าและรณรงค์การประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง กำหนดกลยุทธ์ในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยการนำก๊าซธรรมชาติเหลวมาใช้ในช่วงแรก และมีการกำหนดราคาคาร์บอนครอบคลุมสถานการณ์ทางธุรกิจต่างๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจโดยรักษาผลกำไรและลดก๊าซเรือนกระจกควบคู่กัน รวมถึงการปลูกป่าและศึกษาเทคโนโลยีการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญต่างๆ
ความมุ่งมั่นของเราส่งผลให้ระดับความเข้มของก๊าซเรือนกระจกลดลงอย่างต่อเนื่องถึงร้อยละ 10.4 ในช่วงปี พ.ศ. 2561 ถึงปี พ.ศ. 2566 โดยปี 2566 มีผลการดำเนินงานที่สำคัญดังนี้
- การขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2566 มีการขยายเพิ่มเติม 247 เมกกะวัตต์ ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,072 เมกกะวัตต์
- การประยุกต์เทคโนโลยีใหม่เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม อาทิ การขยายขอบเขตของโครงการ Digital Twins ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการโรงไฟฟ้าโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินงานเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวางแผนผลิตและซ่อมบำรุง
- การปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดการใช้เชื้อเพลิงต่อหน่วย และสามารถดำเนินงานในสภาวะอากาศที่มีอุณหภูมิสูง โดยการปรับปรุง (upgrade) เครื่องกังหันก๊าซ (Gas turbine) สำหรับโรงไฟฟ้าเดิม โดยมีการปรับปรุงในโรงไฟฟ้า 1 โครงการในปี 2566 ทำให้มีการปรับปรุงในโรงไฟฟ้าสะสมรวม 10 โครงการตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการในปี 2561
- การขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่เพื่อช่วยลดก๊าซเรือนกระจก อาทิ การลงทุนในระบบ Energy Management Systems (EMS) และระบบจำหน่ายไฟฟ้าขั้นสูง (Advance Distribution Monitoring System: ADMS) เพื่อควบคุมการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าได้ตรงความต้องการ ช่วยวางแผนการขยายโครงข่าย และรักษาเสถียรภาพในการจ่ายไฟฟ้า นอกจากนี้เราสามารถนำเสนอใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่ได้มาตรฐานสากล (I-REC) จากพลังงานแสงอาทิตย์ ลม และน้ำของเราให้กับลูกค้ากว่า 20 ราย
ทั้งนี้สามารถศึกษารายละเอียดของโครงการลดก๊าซเรือนกระจกจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมในหน้า “ความเป็นเลิศด้านพลังงานและการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า” และโครงการลดก๊าซเรือนกระจกจากการประยุกต์เทคโนโลยีใหม่ และโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติม ในหน้า “นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านยุคดิจิทัล”
นอกจากนี้เราได้มีการปรับปรุงการดำเนินงานสอดคล้องกับการปรับตัวต่อความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปี 2566 ดังนี้
- โครงการลดการใช้น้ำและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำ อาทิ การปรับปรุงระบบหล่อเย็นเพื่อรับน้ำทิ้งจากการบำบัดและลดการสูญเสียน้ำจากการระเหย การนำน้ำทิ้งจากกระบวนการผลิตมาใช้ใหม่ในระบบหล่อเย็น สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 319,413 ลูกบาศก์เมตร/ปี
- โครงการปรับปรุงถังเก็บน้ำในโรงไฟฟ้า ABP 1-5 ให้สามารถใช้น้ำร่วมกันในพื้นที่ของโรงไฟฟ้าที่ติดกัน เพื่อให้สามารถจ่ายน้ำได้ในภาวะขาดแคลนน้ำฉุกเฉิน
ทั้งนี้สามารถศึกษารายละเอียดของโครงการลดการใช้น้ำเพื่อปรับตัวต่อความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำในหน้า “การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ”