โอกาสและความท้าทาย
การให้บริการไฟฟ้าและไอน้ำที่มีคุณภาพสูงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากความไม่เสถียรของพลังงานจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตสินค้าและบริการ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อภาคธุรกิจ โดยการพัฒนาความเป็นเลิศด้านพลังงานยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและใช้ทรัพยากร ลดความเสี่ยงด้านการขาดแคลนทรัพยากร ลดมลพิษและขยะ ตลอดจนส่งเสริมประสิทธิภาพต้นทุนอีกด้วย ปัจจุบันลูกค้ามีแนวโน้มความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ดังนั้น การลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและโซลูชันด้านการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ในฐานะผู้ให้บริการพลังงาน เราตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้น จึงมุ่งขยายสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน ส่งเสริมประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของโรงไฟฟ้าพลังงานร้อนร่วมสำหรับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม พร้อมตอบสนองความต้องการพลังงานของลูกค้าในทุกด้าน เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจและความยั่งยืน
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน
| ปี 2567 | ปี 2568-2573 | ||
|---|---|---|---|
| ผลการดำเนินงาน | เป้าหมาย | เป้าหมาย | |
| ความเป็นเลิศด้านพลังงานไฟฟ้า | |||
| โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม - ค่าประสิทธิภาพการผลิตพลังงาน | 52.1% | >50% | >50% |
| โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ – ร้อยละของปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จริงต่อปี | 15.9% | >15% | >15% |
| โรงไฟฟ้าพลังงานลม - ร้อยละของปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จริงต่อปี | 32.0% | >27% | >15% |
| การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า | |||
| ผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า1 | 97.0% | >95% | >95% |
1สัดส่วนของลูกค้าที่มีความพึงพอใจตั้งแต่ร้อยละ 75 ขึ้นไป ต่อลูกค้าทั้งหมด โดยการสำรวจครอบคลุมร้อยละ 100 ของลูกค้าทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ
การบริหารจัดการและกลยุทธ์
ความมุ่งมั่น
บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงสูงสุดด้วยระบบผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำคุณภาพสูงด้วยพลังงานที่มีเสถียรภาพและความพร้อมจ่าย (Reliability and Availability) ของระบบโครงข่ายไฟฟ้า สะอาด ยั่งยืน ในราคาที่เข้าถึงได้ (Affordability) พร้อมมุ่งพัฒนาและแสวงหานวัตกรรม โซลูชันใหม่ ๆ จากการพัฒนาความร่วมมือกับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตของพลังงานคาร์บอนต่ำ สร้างความพึงพอใจและความผูกพัน เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรและเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน
โครงสร้างการกำกับดูแล
การบริหารโรงไฟฟ้าเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าอยู่ภายใต้การดูแลของผู้จัดการโรงไฟฟ้า (Powerplant manager) ซึ่งรายงานตรงต่อกรรมการผู้จัดการโรงไฟฟ้ากลุ่มโรงไฟฟ้า (Managing Director) และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ – สายงานลูกค้าอุตสาหกรรมสัมพันธ์และปฏิบัติการโรงไฟฟ้า โดยเรื่องสำคัญจะถูกพิจารณาตัดสินใจโดยคณะกรรมการบริหาร
ความเป็นเลิศด้านพลังงาน
นอกเหนือจากการบริหารประสิทธิภาพในแต่ละโรงไฟฟ้าภายใต้ผู้จัดการโรงไฟฟ้าแล้ว เรายังมีฝ่ายประสิทธิภาพการปฏิบัติการ ที่ทำหน้าที่ติดตาม วิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานของทุกโรงไฟฟ้า ร่วมมือกับแต่ละโรงไฟฟ้าเพื่อนำไปสู่การพัฒนาประสิทธิภาพโดยรวมอย่างสม่ำเสมอ
ด้านการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
เรามีทีมงานลูกค้าสัมพันธ์ประจำแต่ละโรงไฟฟ้าที่รายงานตรงต่อหัวหน้าแผนกบริการลูกค้าและพัฒนาโซลูชัน โดยมีหน้าที่บริหารจัดการ ตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ซึ่งรายงานตรงต่อรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ - สายงานลูกค้าอุตสาหกรรมสัมพันธ์และปฏิบัติการโรงไฟฟ้า เพื่อติดตาม ให้ข้อมูล ประสานงาน และรับฟังความเห็น ความคาดหวังหรือความต้องการตลอดจนแนวโน้มธุรกิจของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ โดยทำงานร่วมกับฝ่ายขายและการตลาด และสายงานบี.กริม ดิจิทัล และโซลูชันพลังงาน ซึ่งสังกัดต่อประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจในประเทศไทยและโซลูชันธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างรอบด้าน และร่วมกันคิดค้นหาโซลูชันใหม่ ๆ วางแผนกลยุทธ์สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ เพื่อตอบสนองความคาดหวังและความต้องการของลูกค้าในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
กลยุทธ์
การสนับสนุนลูกค้าและเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น
บี.กริม เพาเวอร์ มีแนวทางการจัดการที่ยืดหยุ่นด้านการชำระเงินและการใช้ไฟฟ้า เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ของลูกค้าแต่ละราย โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้ายื่นคำร้องขอเลื่อนผ่อนชำระค่าไฟฟ้าได้ในกรณีที่มีเหตุผลอันสมควรเป็นรายกรณีไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ลูกค้าประสบภาวะความเดือดร้อนทางการเงินโดยไม่คาดหมาย ทั้งนี้ บริษัทจะเจรจาและหาข้อยุติร่วมกับลูกค้าก่อนดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายยกเว้นค่าปรับสำหรับกรณีที่ลูกค้าที่ใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าร้อยละ 65 ของปริมาณที่ระบุในสัญญา โดยต้องจัดทำหนังสือชี้แจงเหตุผลอย่างเป็นทางการเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นรายกรณี ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างความสัมพันธ์อย่างยั่งยืนกับลูกค้า บนพื้นฐานของความสมดุลและเหมาะสมตามบริบททางธุรกิจ
บี.กริม เพาเวอร์ ยังมุ่งพัฒนาเครื่องมือและบริการดิจิทัลเพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจนำมาประยุกต์ใช้เพื่อคำนวณจำนวนเงินที่ต้องชำระโดยประมาณ นำไปสู่การบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า
ผลการดำเนินงานปี 2567
ความเป็นเลิศด้านพลังงาน
เรายังคงเดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ โดยรวมส่งผลให้ ในปี 2567 สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพ โดยมีค่าประสิทธิภาพการผลิตพลังงานในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ร้อยละ 52.1 และมีดัชนีความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้า (Availability Factor) ที่ร้อยละ 96.4 โดยมีโครงการที่โดดเด่น ดังนี้
โครงการโรงไฟฟ้าจำลองดิจิทัล (Digital Twin)
เป็นระบบบริหารจัดการโรงไฟฟ้า โดยประยุกต์ใช้กับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าหลักใน Smart Grid มีจุดประสงค์ ได้แก่
1) เพื่อประเมินความคุ้มค่าและประสิทธิภาพโดยรวมของการผลิตไฟฟ้าและเพื่อการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance) โดยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแจ้งเตือนสุขภาพและระยะเวลาการใช้งานของเครื่องจักรล่วงหน้า
2) เพื่อช่วยวางแผนซ่อมบำรุงได้ทันท่วงทีก่อนที่เครื่องจักรจะเสียหาย ป้องกันผลกระทบต่อกระบวนการผลิตโครงการ
3) เก็บรวบรวมข้อมูลทางด้านการผลิต และการปฏิบัติงานต่าง ๆ เช่น การเดินเครื่องสำหรับวิเคราะห์ประสิทธิภาพ กำลังการผลิต งานบำรุงซ่อมแซมและการขายไฟฟ้า
โดยประกอบด้วยระบบ ดังนี้
- ระบบ AI Machine Health Monitoring : ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อประมวลผลข้อมูลการเดินเครื่องสำหรับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพและ กำลังการผลิต งานบำรุงซ่อมแซมและการขายไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ ส่งผลให้การใช้ทรัพยากรและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง โดยร่วมมือกับ REPCO NEX ภายใต้ SCG Chemicals โดยในปีนี้ได้ขยายผล รวม 19 โครงการ ได้แก่ โครงการ ABP1R-2R, ABP3-5, ABPR1-5, BIP1-2, BPWHA1, BGPAT1-3, BGPM1R-2R, และ BPLC1R
- ระบบ Continuous Performance Optimisation (CPO) : เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าและประสิทธิภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่คุณค่า ด้วยความร่วมมือกับบริษัท Siemens โดยมีโครงการนำร่องที่ ABP3-5 ในปี 2565-2566 และในปีนี้ได้ขยายผลรวม 2 โครงการ ได้แก่ ABP1R-2R
- ระบบ Common Plant Information Management System (PI) : เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลทางด้านการผลิตและการปฏิบัติงานต่าง ๆ ให้เกิดความเข้าใจสูงสุดเกี่ยวกับกระบวนการทำงานที่ต้องการการควบคุมและติดตามกระบวนการผลิตอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ เช่น ข้อมูลการเดินเครื่องสำหรับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ กำลังการผลิต งานบำรุงซ่อมแซมและการขายไฟฟ้า โดยในปีนี้ได้ขยายผลครอบคลุมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทุกโครงการ

ระบบบริหารจัดการโหลดไฟฟ้าครบวงจร (Advanced Distribution Monitoring System: ADMS) แพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่ ติตตาม ควบคุมระบบสายส่งและจำหน่ายไฟฟ้า จากหลากหลายแหล่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ (เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา พลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ หรือระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ เป็นต้น) รวมถึงช่วยวิเคราะห์ วางแผนการปฏิบัติการ ให้สามารถจ่ายไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม (Optimisation) รักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า ตลอดจนเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการแหล่งผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (Distributed Energy Resources: DERs) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบควบคุมเครือข่ายอัจฉริยะ (Smart network control system) โดยมีโครงการนำร่อง ได้แก่ โรงไฟฟ้า ABP1-5 และ ABPR1-5
นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ ที่พัฒนาประสิทธิภาพและเสถียรภาพการผลิต เช่น
- การนำอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในโรงไฟฟ้าทดแทน (Replacement) อาทิ เครื่องกังหันก๊าซ (Gas turbine) และฮีตเตอร์แก๊ส (Gas Heater) ซึ่งส่งผลให้มีอัตราการใช้ก๊าซธรรมชาติลดลงร้อยละ 10-15 ต่อหน่วยผลิต เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าเดิม รวม 7 โรงไฟฟ้า
- การอัพเกรดเครื่องกังหันก๊าซในโรงไฟฟ้าเดิม ทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 7 เมกะวัตต์ต่อโครงการ ลดจำนวนวันในการซ่อมบำรุงแบบหยุดตามวาระ (Planned outage maintenance) รวมถึงลดการใช้ก๊าซธรรมชาติลงร้อยละ 1-2 ต่อโครงการ ทั้งนี้ ในปี 2567 ได้ดำเนินการอัพเกรดดังกล่าวในโรงไฟฟ้า 3 โรงไฟฟ้า ได้แก่โรงไฟฟ้า ABPR4 และ SSUT1-2 ส่งผลให้มีการอัพเกรดรวม 111 โรงไฟฟ้านับตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2561
- โครงการ Smart Data Logger Solar Farm นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการรายงานและติดตามผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อย่างอัตโนมัติ โดยเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และเปรียบเทียบเพื่อดำเนินการหาแนวทางปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา โครงการนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าได้มากขึ้นร้อยละ 5 ทั้งนี้ เราได้ขยายการอัพเกรดระบบ Smart Logger ครอบคลุมทุกโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย
1 โดยเป็นบริษัทย่อยของ บี.กริม เพาเวอร์จำนวน 8 โรงไฟฟ้า และบริษัทร่วม กิจการร่วมค้า (Joint venture) 3 โรงไฟฟ้า
การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
เราจัดสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าครอบคลุมทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ โดยในปี 2567 มีลูกค้าที่พึงพอใจร้อยละ 97.0 เทียบกับเป้าหมายที่ระดับสูงกว่าร้อยละ 95 โดยได้นำผลการสำรวจมาวิเคราะห์ ปรับปรุงและต่อยอดการบริการ ทั้งนี้ ไม่มีข้อพิพาท ฟ้องร้องระหว่างบี.กริม เพาเวอร์และลูกค้า รวมถึงไม่พบกรณีการละเมิดและข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในปีที่ผ่านมา โดยมีการดำเนินงานที่โดดเด่นดังนี้
ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
ใช้เครื่องมือ Power BI
ในการติดตาม วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวข้องกับลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูล บริหารโหลดการใช้ไฟฟ้าและติดตามแนวโน้มของลูกค้า โดยเฉพาะในส่วนของสัดส่วน PPA (Power Purchase Agreement) เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย
บริการ Customer Web Service
แพลตฟอร์มออนไลน์ ให้ลูกค้าสามารถดูปริมาณการใช้งานไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลาได้ทันที รวมถึงสามารถเรียกดูประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง เพื่อนำไปวิเคราะห์ วางแผนจัดการและบริหารการใช้ไฟฟ้า ลดค่าใช้จ่าย ตลอดจนปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าและจัดทำแผนบริหารพลังงานในอนาคต
การจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Demand-side management)
เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม มีการวางแผนร่วมกันกับลูกค้าในการปรับปริมาณการใช้ไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลาเพื่อส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลูกค้าสามารถควบคุมต้นทุนพลังงานโดยโรงไฟฟ้าสามารถเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในช่วงเวลาที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง (Peak) และช่วงเวลาที่มีความต้องการไฟฟ้าต่ำ (Off peak)
ยกระดับงานซ่อมบำรุงระบบสายส่งไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีโดรน
โครงการนำร่องในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ชลบุรี ระยอง และหนองจอก ได้ใช้โดรนตรวจสอบแนวสายส่งและอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความต่อเนื่องของระบบไฟฟ้า ด้วยการใช้กล้องความร้อนตรวจจับจุดบกพร่อง ช่วยลดต้นทุน เวลา และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของพนักงาน พร้อมสนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการปล่อยคาร์บอน ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และยกระดับความเชื่อมั่นของลูกค้าอุตสาหกรรม (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ หัวข้อ นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล )
ด้านการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและการพัฒนาบุคลากร
นำระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relation Management: CRM)
เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้า เพื่อควบคุมและติดตามผลการปฏิบัติงานให้มีความผิดพลาดในการทำงานลดน้อยลง ช่วยให้มีประสิทธิภาพทั้งงานขาย และการดูแลลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างตรงจุด เพิ่มโอกาสในการขาย
จัดอบรมให้ความรู้กับลูกค้า
ในเรื่องของการคำนวณค่าไฟฟ้า ด้านการรับมือกับอัตราค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าแต่ละราย (Tailored Solution) ส่งผลให้ลูกค้าสามารถวิเคราะห์ข้อมูลในการบริหารจัดการค่าไฟฟ้าได้ดีขึ้น รวมถึงให้ความรู้เรื่องการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยในปีนี้ได้ขยายไปที่ลูกค้าในพื้นที่ชลบุรีและระยอง และมีแผนขยายการอบรมให้ครอบคลุมลูกค้าทุกรายที่ตอบรับแผนงานการนำเสนอข้อมูล
จัดงานประชาสัมพันธ์ Amata B.Grimm Power Customer Conference Day 2024
ร่วมกับพันธมิตร อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ เพื่อพบปะลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และระยอง รวมถึงนำเสนอบริการและโซลูชันด้านพลังงานใหม่ ๆ สำหรับภาคอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อาทิ โซลูชันสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร ระบบปรับอากาศ HVAC และเครื่องทำความเย็น ระบบไฟฟ้าและแสงสว่างสำหรับอาคาร เป็นต้น โซลูชันเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายพลังงานไฟฟ้า โดยได้จัดบรรยายในหัวข้อ Achieving Net Zero: Collaborative GHG Reduction และมีการบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่มาแบ่งปันความรู้ในเรื่อง Maintenance Transmission and Distribution System Network โดยมีแผนจัดงานอีกครั้งในปี 2568 สำหรับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรีและระยอง
จัดให้ผู้บริหารระดับสูงเข้าพบปะเยี่ยมเยียนลูกค้า
เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี ตลอดจนรับทราบความเห็นและความต้องการ ของลูกค้า เพื่อพัฒนาบริการให้ตรงความคาดหวัง นอกจากนี้ยังมีการติดตามแนวโน้มธุรกิจ แผนการลงทุน และการใช้ไฟฟ้าของลูกค้า ตลอดจนแผนการลงทุนและแผนการใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้เราวางแผนบริหารปริมาณการผลิตไฟฟ้าเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดได้ดียิ่งขึ้น โดยเน้นการพบปะลูกค้ารายหลักและลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง
จัดอบรมบุคลากรฝ่ายขายและฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์
เพื่อส่งเสริมความรู้ให้เท่าทันกับสถานการณ์ และพัฒนาศักยภาพของพนักงานในการให้บริการเพื่อรองรับโอกาสการเติบโตในอนาคต ในปีที่ผ่านมา ได้จัดอบรมในหัวข้อที่สำคัญ เช่น ทิศทางนโยบายธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ระบบการอ่านหน่วยมิเตอร์แบบอัตโนมัติ (Automatic Meter Reading หรือ AMR) แนวทางการดูแลลูกค้า การคำนวณค่าไฟฟ้า สัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำ การซื้อขายพลังงาน (Energy trading) การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พลังงานทดแทน และคาร์บอนเครดิต เป็นต้น
