ความเป็นเลิศด้านพลังงานและการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า

โอกาสและความท้าทาย

การให้บริการไฟฟ้าและไอน้ำที่มีคุณภาพสูงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากความไม่เสถียรของพลังงานจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตสินค้าและบริการ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อภาคธุรกิจ โดยการพัฒนาความเป็นเลิศด้านพลังงานยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและใช้ทรัพยากร ลดความเสี่ยงด้านการขาดแคลนทรัพยากร ลดมลพิษและขยะ ตลอดจนส่งเสริมประสิทธิภาพต้นทุนอีกด้วย ปัจจุบันลูกค้ามีแนวโน้มความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ดังนั้น การลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและโซลูชันด้านการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงมีความสำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ในฐานะผู้ให้บริการพลังงาน เราตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้น จึงมุ่งขยายสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน ส่งเสริมประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของโรงไฟฟ้าพลังงานร้อนร่วมสำหรับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม พร้อมตอบสนองความต้องการพลังงานของลูกค้าในทุกด้าน เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจและความยั่งยืน

เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

ปี 2567 ปี 2568-2573
ผลการดำเนินงาน เป้าหมาย เป้าหมาย
ความเป็นเลิศด้านพลังงานไฟฟ้า
โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม - ค่าประสิทธิภาพการผลิตพลังงาน 52.1% >50% >50%
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ – ร้อยละของปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จริงต่อปี 15.9% >15% >15%
โรงไฟฟ้าพลังงานลม - ร้อยละของปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จริงต่อปี 32.0% >27% >15%
การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
ผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า1 97.0% >95% >95%

1สัดส่วนของลูกค้าที่มีความพึงพอใจตั้งแต่ร้อยละ 75 ขึ้นไป ต่อลูกค้าทั้งหมด โดยการสำรวจครอบคลุมร้อยละ 100 ของลูกค้าทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ

การบริหารจัดการและกลยุทธ์

ความมุ่งมั่น

บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงสูงสุดด้วยระบบผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำคุณภาพสูงด้วยพลังงานที่มีเสถียรภาพและความพร้อมจ่าย (Reliability and Availability) ของระบบโครงข่ายไฟฟ้า สะอาด ยั่งยืน ในราคาที่เข้าถึงได้ (Affordability) พร้อมมุ่งพัฒนาและแสวงหานวัตกรรม โซลูชันใหม่ ๆ จากการพัฒนาความร่วมมือกับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตของพลังงานคาร์บอนต่ำ สร้างความพึงพอใจและความผูกพัน เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรและเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน

โครงสร้างการกำกับดูแล

การบริหารโรงไฟฟ้าเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าอยู่ภายใต้การดูแลของผู้จัดการโรงไฟฟ้า (Powerplant manager) ซึ่งรายงานตรงต่อกรรมการผู้จัดการโรงไฟฟ้ากลุ่มโรงไฟฟ้า (Managing Director) และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ – สายงานลูกค้าอุตสาหกรรมสัมพันธ์และปฏิบัติการโรงไฟฟ้า โดยเรื่องสำคัญจะถูกพิจารณาตัดสินใจโดยคณะกรรมการบริหาร

ความเป็นเลิศด้านพลังงาน

นอกเหนือจากการบริหารประสิทธิภาพในแต่ละโรงไฟฟ้าภายใต้ผู้จัดการโรงไฟฟ้าแล้ว เรายังมีฝ่ายประสิทธิภาพการปฏิบัติการ ที่ทำหน้าที่ติดตาม วิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานของทุกโรงไฟฟ้า ร่วมมือกับแต่ละโรงไฟฟ้าเพื่อนำไปสู่การพัฒนาประสิทธิภาพโดยรวมอย่างสม่ำเสมอ

ด้านการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า

เรามีทีมงานลูกค้าสัมพันธ์ประจำแต่ละโรงไฟฟ้าที่รายงานตรงต่อหัวหน้าแผนกบริการลูกค้าและพัฒนาโซลูชัน โดยมีหน้าที่บริหารจัดการ ตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ซึ่งรายงานตรงต่อรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ - สายงานลูกค้าอุตสาหกรรมสัมพันธ์และปฏิบัติการโรงไฟฟ้า เพื่อติดตาม ให้ข้อมูล ประสานงาน และรับฟังความเห็น ความคาดหวังหรือความต้องการตลอดจนแนวโน้มธุรกิจของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ โดยทำงานร่วมกับฝ่ายขายและการตลาด และสายงานบี.กริม ดิจิทัล และโซลูชันพลังงาน ซึ่งสังกัดต่อประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจในประเทศไทยและโซลูชันธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อให้สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างรอบด้าน และร่วมกันคิดค้นหาโซลูชันใหม่ ๆ วางแผนกลยุทธ์สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ เพื่อตอบสนองความคาดหวังและความต้องการของลูกค้าในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

กลยุทธ์
  • ขยายสู่การบริการด้านพลังงานครบวงจร
    มุ่งเน้นการส่งมอบพลังงานที่มั่นคง มีเสถียรภาพและความพร้อมจ่าย ในราคาที่เข้าถึงได้ ผสมผสานพลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืน และขยายสู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านพลังงานที่ตอบโจทย์ลูกค้าอุตสาหกรรม พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกร่วมกัน
  • ขยายฐานสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่
    ได้แก่ เจ้าของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ที่ต้องการใช้พลังงานสะอาดในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ควบคู่กับการมีเสถียรภาพในการจ่ายไฟ พร้อมขยายสัดส่วนกลุ่มลูกค้าใหม่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และรองรับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมใหม่ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และดาต้าเซ็นเตอร์ นอกเหนือจากลูกค้าเดิมที่เป็นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงขยายสู่ธุรกิจใหม่ ๆ
  • นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาสนับสนุนกระบวนการทำงานของโรงไฟฟ้า
    เพื่อช่วยบริหารจัดการโรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ วางแผนการซ่อมบำรุงอย่างเหมาะสม ตลอดจนช่วยลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้าไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้า (Forced/Unplanned outage)
  • ร่วมกับพันธมิตรในการศึกษา ทดลองและพัฒนานวัตกรรม
    รวมถึงโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ด้านการจ่ายไฟฟ้า (ร่วมกับ PEA) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และส่งเสริมความยั่งยืนด้านพลังงาน โดยผสมผสานการใช้พลังงานสะอาด ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ใช้ระบบดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า
    ตลอดจนวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้นำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย รวมทั้งเพิ่มการบริหารจัดการโหลดการใช้ไฟฟ้าให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
  • การสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าเป็นประจำทุกปี
    แบ่งเป็น 4 มิติ (ด้านความเชื่อมั่นต่อองค์กร ด้านคุณภาพของบริการสาธารณูปโภคไฟฟ้า ด้านบุคลากรและการบริการ และด้านการสื่อสาร) ครอบคลุมลูกค้าทั้งหมดจากในประเทศไทยและต่างประเทศ ตลอดจนวิเคราะห์ผลสำรวจและปรับปรุงคุณภาพการบริการ
  • มีทีมงานปฏิบัติการและซ่อมบำรุง ประจำโรงไฟฟ้าทุกแห่ง พร้อมบริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
    เพื่อตรวจสอบการจ่ายไฟให้แก่ลูกค้าในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้อง
  • การบริหารข้อร้องเรียน
    จัดช่องทางร้องเรียนสำหรับลูกค้าในหลากหลายรูปแบบ ทั้งโรงไฟฟ้าและสำนักงานกรุงเทพฯ
  • การบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
    ประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถดำเนินการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างทั่วถึงทุกหน่วยงาน ครอบคลุมลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน
การสนับสนุนลูกค้าและเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น

บี.กริม เพาเวอร์ มีแนวทางการจัดการที่ยืดหยุ่นด้านการชำระเงินและการใช้ไฟฟ้า เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ของลูกค้าแต่ละราย โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้ายื่นคำร้องขอเลื่อนผ่อนชำระค่าไฟฟ้าได้ในกรณีที่มีเหตุผลอันสมควรเป็นรายกรณีไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ลูกค้าประสบภาวะความเดือดร้อนทางการเงินโดยไม่คาดหมาย ทั้งนี้ บริษัทจะเจรจาและหาข้อยุติร่วมกับลูกค้าก่อนดำเนินการตัดกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายยกเว้นค่าปรับสำหรับกรณีที่ลูกค้าที่ใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าร้อยละ 65 ของปริมาณที่ระบุในสัญญา โดยต้องจัดทำหนังสือชี้แจงเหตุผลอย่างเป็นทางการเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นรายกรณี ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างความสัมพันธ์อย่างยั่งยืนกับลูกค้า บนพื้นฐานของความสมดุลและเหมาะสมตามบริบททางธุรกิจ

บี.กริม เพาเวอร์ ยังมุ่งพัฒนาเครื่องมือและบริการดิจิทัลเพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจนำมาประยุกต์ใช้เพื่อคำนวณจำนวนเงินที่ต้องชำระโดยประมาณ นำไปสู่การบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

ผลการดำเนินงานปี 2567

ความเป็นเลิศด้านพลังงาน

เรายังคงเดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ โดยรวมส่งผลให้ ในปี 2567 สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเสถียรภาพ โดยมีค่าประสิทธิภาพการผลิตพลังงานในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ร้อยละ 52.1 และมีดัชนีความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้า (Availability Factor) ที่ร้อยละ 96.4 โดยมีโครงการที่โดดเด่น ดังนี้

โครงการโรงไฟฟ้าจำลองดิจิทัล (Digital Twin)

เป็นระบบบริหารจัดการโรงไฟฟ้า โดยประยุกต์ใช้กับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าหลักใน Smart Grid มีจุดประสงค์ ได้แก่

1) เพื่อประเมินความคุ้มค่าและประสิทธิภาพโดยรวมของการผลิตไฟฟ้าและเพื่อการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ (Predictive Maintenance) โดยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อแจ้งเตือนสุขภาพและระยะเวลาการใช้งานของเครื่องจักรล่วงหน้า

2) เพื่อช่วยวางแผนซ่อมบำรุงได้ทันท่วงทีก่อนที่เครื่องจักรจะเสียหาย ป้องกันผลกระทบต่อกระบวนการผลิตโครงการ

3) เก็บรวบรวมข้อมูลทางด้านการผลิต และการปฏิบัติงานต่าง ๆ เช่น การเดินเครื่องสำหรับวิเคราะห์ประสิทธิภาพ กำลังการผลิต งานบำรุงซ่อมแซมและการขายไฟฟ้า

โดยประกอบด้วยระบบ ดังนี้

  • ระบบ AI Machine Health Monitoring : ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อประมวลผลข้อมูลการเดินเครื่องสำหรับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพและ กำลังการผลิต งานบำรุงซ่อมแซมและการขายไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์ ส่งผลให้การใช้ทรัพยากรและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง โดยร่วมมือกับ REPCO NEX ภายใต้ SCG Chemicals โดยในปีนี้ได้ขยายผล รวม 19 โครงการ ได้แก่ โครงการ ABP1R-2R, ABP3-5, ABPR1-5, BIP1-2, BPWHA1, BGPAT1-3, BGPM1R-2R, และ BPLC1R
  • ระบบ Continuous Performance Optimisation (CPO) : เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าและประสิทธิภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่คุณค่า ด้วยความร่วมมือกับบริษัท Siemens โดยมีโครงการนำร่องที่ ABP3-5 ในปี 2565-2566 และในปีนี้ได้ขยายผลรวม 2 โครงการ ได้แก่ ABP1R-2R
  • ระบบ Common Plant Information Management System (PI) : เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลทางด้านการผลิตและการปฏิบัติงานต่าง ๆ ให้เกิดความเข้าใจสูงสุดเกี่ยวกับกระบวนการทำงานที่ต้องการการควบคุมและติดตามกระบวนการผลิตอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ เช่น ข้อมูลการเดินเครื่องสำหรับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ กำลังการผลิต งานบำรุงซ่อมแซมและการขายไฟฟ้า โดยในปีนี้ได้ขยายผลครอบคลุมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมทุกโครงการ

ระบบบริหารจัดการโหลดไฟฟ้าครบวงจร (Advanced Distribution Monitoring System: ADMS) แพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่ ติตตาม ควบคุมระบบสายส่งและจำหน่ายไฟฟ้า จากหลากหลายแหล่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ (เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา พลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ หรือระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ เป็นต้น) รวมถึงช่วยวิเคราะห์ วางแผนการปฏิบัติการ ให้สามารถจ่ายไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม (Optimisation) รักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า ตลอดจนเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการแหล่งผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (Distributed Energy Resources: DERs) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบควบคุมเครือข่ายอัจฉริยะ (Smart network control system) โดยมีโครงการนำร่อง ได้แก่ โรงไฟฟ้า ABP1-5 และ ABPR1-5

นอกจากนี้ยังมีโครงการอื่นๆ ที่พัฒนาประสิทธิภาพและเสถียรภาพการผลิต เช่น
  • การนำอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในโรงไฟฟ้าทดแทน (Replacement) อาทิ เครื่องกังหันก๊าซ (Gas turbine) และฮีตเตอร์แก๊ส (Gas Heater) ซึ่งส่งผลให้มีอัตราการใช้ก๊าซธรรมชาติลดลงร้อยละ 10-15 ต่อหน่วยผลิต เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าเดิม รวม 7 โรงไฟฟ้า
  • การอัพเกรดเครื่องกังหันก๊าซในโรงไฟฟ้าเดิม ทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 7 เมกะวัตต์ต่อโครงการ ลดจำนวนวันในการซ่อมบำรุงแบบหยุดตามวาระ (Planned outage maintenance) รวมถึงลดการใช้ก๊าซธรรมชาติลงร้อยละ 1-2 ต่อโครงการ ทั้งนี้ ในปี 2567 ได้ดำเนินการอัพเกรดดังกล่าวในโรงไฟฟ้า 3 โรงไฟฟ้า ได้แก่โรงไฟฟ้า ABPR4 และ SSUT1-2 ส่งผลให้มีการอัพเกรดรวม 111 โรงไฟฟ้านับตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2561
  • โครงการ Smart Data Logger Solar Farm นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการรายงานและติดตามผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อย่างอัตโนมัติ โดยเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และเปรียบเทียบเพื่อดำเนินการหาแนวทางปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา โครงการนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าได้มากขึ้นร้อยละ 5 ทั้งนี้ เราได้ขยายการอัพเกรดระบบ Smart Logger ครอบคลุมทุกโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย

โดยเป็นบริษัทย่อยของ บี.กริม เพาเวอร์จำนวน 8 โรงไฟฟ้า และบริษัทร่วม กิจการร่วมค้า (Joint venture) 3 โรงไฟฟ้า

การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า

เราจัดสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าครอบคลุมทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ โดยในปี 2567 มีลูกค้าที่พึงพอใจร้อยละ 97.0 เทียบกับเป้าหมายที่ระดับสูงกว่าร้อยละ 95 โดยได้นำผลการสำรวจมาวิเคราะห์ ปรับปรุงและต่อยอดการบริการ ทั้งนี้ ไม่มีข้อพิพาท ฟ้องร้องระหว่างบี.กริม เพาเวอร์และลูกค้า รวมถึงไม่พบกรณีการละเมิดและข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในปีที่ผ่านมา โดยมีการดำเนินงานที่โดดเด่นดังนี้

ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ
ใช้เครื่องมือ Power BI

ในการติดตาม วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวข้องกับลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูล บริหารโหลดการใช้ไฟฟ้าและติดตามแนวโน้มของลูกค้า โดยเฉพาะในส่วนของสัดส่วน PPA (Power Purchase Agreement) เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย

บริการ Customer Web Service

แพลตฟอร์มออนไลน์ ให้ลูกค้าสามารถดูปริมาณการใช้งานไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลาได้ทันที รวมถึงสามารถเรียกดูประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง เพื่อนำไปวิเคราะห์ วางแผนจัดการและบริหารการใช้ไฟฟ้า ลดค่าใช้จ่าย ตลอดจนปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าและจัดทำแผนบริหารพลังงานในอนาคต

การจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Demand-side management)

เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม มีการวางแผนร่วมกันกับลูกค้าในการปรับปริมาณการใช้ไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลาเพื่อส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลูกค้าสามารถควบคุมต้นทุนพลังงานโดยโรงไฟฟ้าสามารถเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในช่วงเวลาที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง (Peak) และช่วงเวลาที่มีความต้องการไฟฟ้าต่ำ (Off peak)

ยกระดับงานซ่อมบำรุงระบบสายส่งไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีโดรน

โครงการนำร่องในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ชลบุรี ระยอง และหนองจอก ได้ใช้โดรนตรวจสอบแนวสายส่งและอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และความต่อเนื่องของระบบไฟฟ้า ด้วยการใช้กล้องความร้อนตรวจจับจุดบกพร่อง ช่วยลดต้นทุน เวลา และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของพนักงาน พร้อมสนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการปล่อยคาร์บอน ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และยกระดับความเชื่อมั่นของลูกค้าอุตสาหกรรม (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ หัวข้อ นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล )

ด้านการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและการพัฒนาบุคลากร
นำระบบบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relation Management: CRM)

เข้ามาใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลลูกค้า เพื่อควบคุมและติดตามผลการปฏิบัติงานให้มีความผิดพลาดในการทำงานลดน้อยลง ช่วยให้มีประสิทธิภาพทั้งงานขาย และการดูแลลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างตรงจุด เพิ่มโอกาสในการขาย

จัดอบรมให้ความรู้กับลูกค้า

ในเรื่องของการคำนวณค่าไฟฟ้า ด้านการรับมือกับอัตราค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากอัตราค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าแต่ละราย (Tailored Solution) ส่งผลให้ลูกค้าสามารถวิเคราะห์ข้อมูลในการบริหารจัดการค่าไฟฟ้าได้ดีขึ้น รวมถึงให้ความรู้เรื่องการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยในปีนี้ได้ขยายไปที่ลูกค้าในพื้นที่ชลบุรีและระยอง และมีแผนขยายการอบรมให้ครอบคลุมลูกค้าทุกรายที่ตอบรับแผนงานการนำเสนอข้อมูล

จัดงานประชาสัมพันธ์ Amata B.Grimm Power Customer Conference Day 2024

ร่วมกับพันธมิตร อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ เพื่อพบปะลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และระยอง รวมถึงนำเสนอบริการและโซลูชันด้านพลังงานใหม่ ๆ สำหรับภาคอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน อาทิ โซลูชันสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร ระบบปรับอากาศ HVAC และเครื่องทำความเย็น ระบบไฟฟ้าและแสงสว่างสำหรับอาคาร เป็นต้น โซลูชันเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายพลังงานไฟฟ้า โดยได้จัดบรรยายในหัวข้อ Achieving Net Zero: Collaborative GHG Reduction และมีการบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่มาแบ่งปันความรู้ในเรื่อง Maintenance Transmission and Distribution System Network โดยมีแผนจัดงานอีกครั้งในปี 2568 สำหรับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรีและระยอง

จัดให้ผู้บริหารระดับสูงเข้าพบปะเยี่ยมเยียนลูกค้า

เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี ตลอดจนรับทราบความเห็นและความต้องการ ของลูกค้า เพื่อพัฒนาบริการให้ตรงความคาดหวัง นอกจากนี้ยังมีการติดตามแนวโน้มธุรกิจ แผนการลงทุน และการใช้ไฟฟ้าของลูกค้า ตลอดจนแผนการลงทุนและแผนการใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้เราวางแผนบริหารปริมาณการผลิตไฟฟ้าเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดได้ดียิ่งขึ้น โดยเน้นการพบปะลูกค้ารายหลักและลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง

จัดอบรมบุคลากรฝ่ายขายและฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์

เพื่อส่งเสริมความรู้ให้เท่าทันกับสถานการณ์ และพัฒนาศักยภาพของพนักงานในการให้บริการเพื่อรองรับโอกาสการเติบโตในอนาคต ในปีที่ผ่านมา ได้จัดอบรมในหัวข้อที่สำคัญ เช่น ทิศทางนโยบายธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ระบบการอ่านหน่วยมิเตอร์แบบอัตโนมัติ (Automatic Meter Reading หรือ AMR) แนวทางการดูแลลูกค้า การคำนวณค่าไฟฟ้า สัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำ การซื้อขายพลังงาน (Energy trading) การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พลังงานทดแทน และคาร์บอนเครดิต เป็นต้น