โครงการภายใต้เป้าหมายการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ที่ที่เราดำเนินการ

บี.กริม เพาเวอร์ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการป้องกันและควบคุมผลกระทบจากการดำเนินงานที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมรอบในทุก ๆ ที่ที่เราดำเนินการ และมุ่งหวังที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมชุมชนให้เติบโตอย่างแข็งแรงและยั่งยืน จึงมุ่งมั่นที่จะจัดทำโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมโดยรอบโรงไฟฟ้า ซึ่งเน้นโครงการที่ส่งเสริมด้านการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับบริบทในแต่ละพื้นที่ที่ดำเนินการ อาทิ โครงการ บี.กริม บวร (บ้าน วัดโรงเรียน) โครงการศูนย์การเรียนรู้การกสิกรรมเพื่อความยั่งยืน เซนำน้อยและเซกะตำ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โครงการก่อสร้างน้ำประปาชุมชน ให้แก่ประชาชนบ้านน้ำตวด เมืองปากช่อง แขวงจำปาสัก โดยมีรายละเอียดโครงการที่โดดเด่น ดังนี้

โครงการ บี.กริม บวร (บ้าน วัด โรงเรียน)

โครงการ บี.กริม บวร (บ้าน วัด โรงเรียน) เริ่มดำเนินการในปี 2563 เพื่อขับเคลื่อนพัฒนาชุมชนและสังคมให้เข้มแข็งเติบโตอย่างมีศักยภาพและยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาชุมชนในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ชุมชน และคน ภายใต้แนวพระราชดำริ “บ้าน วัด โรงเรียน” และเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อให้ชุมชนรักถิ่นฐานบ้านเกิด มีอาชีพที่มั่นคง สร้างรายได้ สร้างชุมชนที่เข้มแข็ง มีความเป็นอยู่อย่างมีความสุขและสมดุล

ในปี 2565 บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมกับ มูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ เดินหน้าผลักดัน “โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา” (Partnership School Project) โดยใช้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาชุมชน เพื่อยกระดับการศึกษาและคุณภาพชีวิตของนักเรียนและสมาชิกในชุมชน ภายใต้แผนระยะยาวที่ครอบคลุม 9 กิจกรรม ได้แก่ การมีส่วนร่วมและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาครู นักเรียนและสมาชิกในชุมชน การจัดตั้งแปลงเกษตรขจัดความยากจน การจัดตั้งกองทุนเงินออมและเงินกู้สำหรับการประกอบอาชีพ การสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์และสื่อการเรียนการสอน การสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารและรายได้สำหรับผู้สูงอายุ การสนับสนุนด้านสุขภาพอนามัย สิ่งแวดล้อมและปลูกต้นไม้ การบริหารจัดการและติดตามให้คำแนะนำ และการประเมินผลโครงการ

นอกจากนี้ โครงการยังได้จัดกิจกรรมนำร่อง “การจัดตั้งแปลงเกษตรขจัดความยากจน” บนพื้นที่ของโรงเรียน บี.กริม โดยมีครู นักเรียน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าอาวาสวัดบี.กริม และชาวบ้าน เข้าร่วมมือกันพัฒนาฟาร์มเมล่อนและฟาร์มองุ่น พร้อมติดตั้งระบบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ภายในโรงเรือน กิจกรรมครอบคลุมการอบรมพัฒนาทักษะอาชีพ อาทิ การใช้เครื่องสีข้าวและการซีลผลิตภัณฑ์เกษตร การบริหารจัดการแปลงผัก และการทำน้ำยาป้องกันโรคและแมลงจากวัตถุดิบพื้นบ้าน เป็นต้น โครงการนี้มุ่งหวังว่าผลลัพธ์จากกิจกรรมจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตและช่วยสร้างรายได้ให้แก่โรงเรียนและชุมชน พร้อมต่อยอดเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรด้านฟาร์มเมล่อนและฟาร์มองุ่นแห่งแรกของจังหวัดสระแก้ว ที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้และเป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานอื่น ๆ นอกจากนี้ บี.กริม และโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา ได้จัดอบรมการจัดตั้งกองทุนเงินออมและเงินกู้เพื่อการประกอบอาชีพ รวมถึงกองทุนประกอบอาชีพสำหรับผู้ปกครองและชุมชน ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อสนับสนุนการลงทุนและส่งเสริมการออม ตลอดจนกองทุนธุรกิจนักเรียนที่ช่วยสร้างโอกาสให้นักเรียนมีรายได้ระหว่างเรียน เสริมทักษะด้านการบริหารและความเป็นผู้ประกอบการ

ในปี 2567 ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการสวนเกษตรเพื่อเสริมสร้างทักษะอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตของโรงเรียนและชุมชน พร้อมส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยมีความคืบหน้าดังนี้

  • การปลูกเมล่อน – ปรับปรุงโรงเรือนและระบบน้ำ พร้อมสร้างโรงเรือนใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิต สามารถปลูกได้ 8 รอบต่อปี ให้ผลผลิต 100-250 ผลต่อรอบต่อโรงเรือน
  • การปลูกพืชผักรอบสระน้ำ – สนับสนุนการปลูกพืชที่สามารถจำหน่ายในชุมชน เช่น มะเขือ ผักบุ้ง และเห็ดนางฟ้า ด้วยเทคนิคการปลูกที่หลากหลาย
  • การพัฒนาระบบน้ำ – ติดตั้งปั๊มน้ำและถังเก็บน้ำเพื่อให้เพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอสำหรับการเกษตร
  • การใช้พลังงานสะอาดำ – ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 5KW รองรับระบบน้ำในสวนเกษตร ลดต้นทุนพลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน

โรงเรียนบี.กริม จึงไม่ได้เป็นเพียงสถานศึกษา แต่ยังเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านเกษตรกรรมและอาชีพ ที่ช่วยส่งเสริมทักษะและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ตัวชี้วัดประโยชน์ต่อธุรกิจ
  • แสดงจุดยืนในการขับเคลื่อนสังคมตามหลักปรัชญาใน “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี”
  • สอดคล้องกับหนึ่งในเป้าหมายของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทว่าด้วยการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ ที่ที่เราดำเนินการ
ตัวชี้วัดประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
  • เพิ่มจำนวนชาวบ้านโดยรอบโรงเรียน รวมถึงครูและนักเรียนในโรงเรียนที่ได้รับการพัฒนาประสบการณ์และองค์ความรู้ในทักษะอาชีพ ด้านการเกษตร สิ่งแวดล้อม คหกรรม และการสร้างกองทุน เช่น การปลูกเมล่อน การปลูกองุ่น การปลูกเห็ด การแปรรูปอาหาร การทำเบเกอรี่ การทำขนมไทย เป็นต้น
  • นำพลังงานทดแทนเข้ามาใช้เพื่อสนับสนุนกิจกรรมโรงเรือนเกษตรของทางโรงเรียน
  • ส่งเสริมการจัดตั้งกองทุนเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และเพื่อส่งเสริมการออมเงินสำหรับผู้ปกครองของนักเรียน (ในปี 2567 มีสมาชิกของกองทุนฯ กว่า 45 คน มียอดเงินฝากทั้งปีกว่า 600,000 บาท และมียอดการกู้เงินกว่า 541,000 บาท)
  • สนับสนุนและสอดคล้องกับเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals–SDGs) ในเป้าหมายย่อยที่ 1.1 1.2 2.1 2.3 และ 8.31

โครงการพระบารมีส่องสว่าง แสงธรรมทั่วไทย

บี.กริม เพาเวอร์ ดำเนินธุรกิจด้วยความเชี่ยวชาญด้านพลังงานไฟฟ้าและโซลูชันพลังงานสะอาดควบคู่ไปกับวิสัยทัศน์ “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี” จึงเกิดเป็นโครงการ “พระบารมีส่องสว่าง แสงธรรมทั่วไทย” ที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตทั้งในด้านสังคม จิตใจ และสิ่งแวดล้อม ให้กับชุมชนโดยรอบพื้นที่ดำเนินงานของบริษัท

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวาระมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ (72 พรรษา) โดยมุ่งบรรเทาผลกระทบจากปัญหาค่าไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นและการเข้าถึงพลังงานที่ยังไม่ทั่วถึงในบางพื้นที่ของวัด โรงเรียน และสถานพยาบาลชุมชน โดยเราได้ดำเนินครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการประเมินพื้นที่ การออกแบบ การติดตั้งโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ ไปจนถึงการบำรุงรักษาในระยะยาว เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างต่อเนื่อง นอกจากการพัฒนาด้านพลังงานแล้ว โครงการยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เข้าร่วมเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงในภาคสนาม เสริมสร้างทักษะด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและปลูกฝังจิตสำนึกในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน และอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการคือการเชื่อมโยงแนวคิดด้านพลังงานและน้ำ (Energy-Water Nexus) โดยบางพื้นที่ได้นำพลังงานแสงอาทิตย์มาช่วยขับเคลื่อนระบบสูบน้ำชุมชน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ในปี 2567 บี.กริม เพาเวอร์ ได้ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์รวมกำลังผลิต 80 กิโลวัตต์พีก (kWp) ใน 10 แห่ง ครอบคลุม 7 จังหวัด โดยแต่ละแห่งมีระบบขนาด 5–10 kWp ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแก่ชุมชนและวัดได้ได้เดือนละประมาณ 2,500–6,000 บาทต่อแห่ง คิดเป็นมูลค่าการประหยัดรวมตลอดปีราว 612,000 บาท

โครงการสร้างผลกระทบเชิงบวกในด้านสาธารณสุขและส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับคนในชุมชน

บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมและชุมชน โดยเฉพาะในด้านสาธารณสุขและการส่งเสริมสุขภาพที่ดี ซึ่งหนึ่งในโครงการสำคัญของปีนี้ คือ “B.Grimm Health Canvas Bag 2024” ที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และหน่วยบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ ให้การสนับสนุนกระเป๋าผ้าเพื่อสุขภาพ สำหรับบรรจุยาและเวชภัณฑ์ให้แก่ผู้ป่วยเรื้อรังเพื่ออำนวยความสะดวกในการรับยาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดทำปฏิทินลดความหวานในเลือดเพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนและป้องกันการเข้าสู่ภาวะผู้ป่วยกลุ่มสีแดง (วิกฤติ) ซึ่งจะช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีจำนวนจำกัดเมื่อเทียบกับความต้องการในพื้นที่

นอกจากนี้ โครงการยังช่วยสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการให้คำแนะนำด้านโภชนาการแก่ประชาชนในพื้นที่ตำบลและบริเวณใกล้เคียง เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต ลดความเจ็บป่วย และลดภาระการรักษาพยาบาลในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องเข้ารับการรักษาและรับยาประจำอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน

ตัวชี้วัดประโยชน์ต่อธุรกิจ
  • แสดงจุดยืนในการขับเคลื่อนสังคมตามหลักปรัชญาใน “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี”
  • สอดคล้องกับหนึ่งในเป้าหมายของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทว่าด้วยการส่งเสริม สร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดี และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย
  • ลดข้อขัดแย้งและข้อร้องเรียนจากชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้า
ตัวชี้วัดประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
  • ความพึงพอใจของเจ้าหน้าที่บริการทางการแพทย์ 97% และมีผู้ป่วยได้รับกระเป๋าเพื่อสุขภาพ จำนวน 2,220 คน
  • สนับสนุนและสอดคล้องกับเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals–SDGs) ในเป้าหมายที่ 3.4 และ 3.8

โครงการศูนย์การเรียนรู้การกสิกรรมเพื่อความยั่งยืน เซน้ำน้อยและเซกะตำ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

บี.กริม เพาเวอร์ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางอาหาร (food safety) เป็นเรื่องสำคัญขั้นพื้นฐานของประชากรโลก เราจึงจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้การกสิกรรมเพื่อความยั่งยืนเซน้ำน้อยและเซกะตำ บริเวณโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ในเมืองปากซอง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว โดยมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนผ่านการส่งเสริมเกษตรกรรมแบบอินทรีย์ กิจกรรมหลักของโครงการ ได้แก่ การอนุรักษ์แหล่งน้ำธรรมชาติ ส่งเสริมความรู้เพื่อหยุดการเผาป่าและฟื้นฟูหน้าดินที่เป็นแหล่งแร่ธาตุจำเป็นสำหรับการเกษตรกรรม นอกจากนี้ โครงการยังสนับสนุนการทำฟาร์มอินทรีย์และการปลูกผักสวนครัวในครัวเรือน การฝึกอบรมการทำปุ๋ยหมักแบบใช้น้ำและไม่กลับกองเพื่อลดการใช้สารเคมี รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้ในการทำเกษตรแนวใหม่โดยใช้พลังงานทดแทนโซลาร์ปั๊ม (Solar Pump) แทนการใช้ไฟฟ้าเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้แก่เกษตรกร ทั้งนี้ โครงการยังมุ่งสร้างความตระหนักรู้ด้านการอนุรักษ์ดิน น้ำ และป่าไม้ เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองและนำความรู้ไปปรับใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในระยะยาวอย่างยั่งยืน

ในปี 2567 ศูนย์การเรียนรู้การกสิกรรมเพื่อความยั่งยืนได้ขยายความร่วมมือกับคณะเกษตรศาสตร์และป่าไม้ มหาวิทยาลัยจำปาสัก เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยหนึ่งในโครงการสำคัญคือ โครงการเพิ่มผลผลิตเมล็ดกาแฟ โดยใช้เทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืชและปุ๋ยอินทรีย์เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงแก่เกษตรกร นอกจากนี้ ยังจัดตั้งแปลงผักตัวอย่างที่โรงเรียนประถมอุปะชา อำเภอปากซอง เพื่อให้นักเรียนเรียนรู้ทักษะด้านการเกษตรและได้บริโภคผักสดที่มีคุณค่าทางโภชนาการ สร้างพื้นที่เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ และปลูกจิตสำนึกด้านการเกษตรแบบยั่งยืน รวมไปถึงจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อการผลิตอาหารสัตว์ต้นทุนต่ำให้แก่ชุมชนจากหมู่บ้านน้ำตวด หนองตวง และอุปะชา เพื่อลดต้นทุนและเสริมความมั่นคงทางอาหาร โดยได้รับการสนับสนุนความรู้จากผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยจำปาสัก กิจกรรมทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนให้กับชุมชน โดยผสมผสานความร่วมมือระหว่างองค์กรการศึกษาและชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวชี้วัดประโยชน์ต่อธุรกิจ
  • แสดงจุดยืนในการขับเคลื่อนสังคมตามหลักปรัชญาใน “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี”
  • สอดคล้องกับหนึ่งในเป้าหมายของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทว่าด้วยการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ ที่ที่เราดำเนินการ
  • ลดข้อขัดแย้งและข้อร้องเรียนจากชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้า
ตัวชี้วัดประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
  • เพิ่มโอกาสให้ชุมชนที่ห่างไกลตัวเมืองเข้าถึงแหล่งพลังงานสะอาดที่ทันสมัยในราคาที่เหมาะสม
  • เพิ่มจำนวนชุมชน สังคม โดยรอบโรงไฟฟ้าที่ได้รับการอบรมที่ศูนย์การเรียนรู้การกสิกรรมเพื่อความยั่งยืนเซนำน้อยและเซกะตำ (ในปี 2567 มีการจัดฝึกอบรมให้กับชุมชน นักศึกษาและอาจารย์ทั้งหมด 185 คน)
  • สนับสนุนและสอดคล้องกับเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals–SDGs) ในเป้าหมายย่อยที่ 2.4 และ 4.7

โครงการส่งเสริมผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชนรอบโรงไฟฟ้า ที่สปป.ลาว

บี.กริม เพาเวอร์ มุ่งมั่นส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้า โดยในปี 2567 เราได้ดำเนินโครงการสำคัญใน สปป.ลาว ครอบคลุม 3 ด้านหลัก ได้แก่

ด้านการศึกษา

พัฒนาสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ให้กับโรงเรียนประถมสมบูรณ์บ้านสะพังหม้อ เมืองไชยเสดฐา นครหลวงเวียงจันทน์ ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า ปรับปรุงห้องสมุดและสื่อการสอน จัดหาโต๊ะ-เก้าอี้กว่า 50 ชุด มอบอุปกรณ์การเรียนและกีฬา พร้อมจัดกิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้ เช่น วาดรูประบายสีและตอบคำถามวิทยาศาสตร์ร่วมกับนักเรียนกว่า 84 คน นอกจากนี้ เรายังลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคลาว-เยอรมัน เพื่อพัฒนาหลักสูตรที่จะยกระดับทักษะครูและพนักงาน และส่งเสริมการเรียนการสอนแบบควบคู่ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต

ด้านสิ่งแวดล้อม

ดำเนินโครงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่เขื่อนไฟฟ้าน้ำตกน้ำแจ 1 และเขื่อนไฟฟ้าน้ำตกเซน้ำน้อยและเซกะตัม ด้วยการปลูกต้นไม้กว่า 3,465 ต้น เช่น ต้นกล้ายางพารา กระทินเทพา ไม้ดู่ ไม้พยุง และไม้ท้องถิ่นอื่น ๆ รวมถึงปล่อยพันธุ์ปลากว่า 15,300 ตัว เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและสร้างสมดุลในพื้นที่

ด้านการพัฒนาชุมชน

สนับสนุนกิจกรรมวันครูแห่งชาติลาว ผ่านการมอบอุปกรณ์กีฬาให้นักเรียนเพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันศิลปะและกีฬาระดับเมือง รวมถึงดำเนินโครงการก่อสร้างระบบน้ำประปาชุมชนที่บ้านน้ำตรวด เมืองปากช่อง แขวงจำปาสัก ตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งช่วยให้ 45 ครัวเรือนสามารถเข้าถึงน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค ลดปัญหาด้านสุขภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน

ด้วยพันธกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาการศึกษา การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน เรายังคงเดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับชุมชนในทุกมิติ ด้วยความโอบอ้อมอารีที่เป็นรากฐานสำคัญของเรา

ตัวชี้วัดประโยชน์ต่อธุรกิจ
  • แสดงจุดยืนในการขับเคลื่อนสังคมตามหลักปรัชญาใน “สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี”
  • สอดคล้องกับหนึ่งในเป้าหมายของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทว่าด้วยการส่งเสริม สร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดี และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย
  • ลดข้อขัดแย้งและข้อร้องเรียนจากชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้า
ตัวชี้วัดประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
  • สร้างอนาคตที่มั่นคงให้เยาวชนและชุมชนผ่านการศึกษาที่มีคุณภาพและทักษะที่สอดคล้องกับยุคสมัย
  • ฟื้นฟูและรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนของชุมชนและระบบนิเวศ
  • ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนผ่านการเข้าถึงทรัพยากรพื้นฐานและโอกาสที่เท่าเทียม
  • สนับสนุนและสอดคล้องกับเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals–SDGs) ในเป้าหมาย 3.9 4.1 6.1 11.1 และ 15.1