BGRIM การันตี 5 ปีไม่มีเพิ่มทุน จัดงบลงทุน 10 ปี 2.5-3 แสนล้าน เดินหน้า M&A

บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าแตะ10,000 เมกะวัตต์ในปี 2573 ตั้งเป้ารายได้ต่อปีกว่า 1 แสนล้านบาท ให้ความมั่นใจผู้ถือหุ้น 5 ปีไม่มีเพิ่มทุน วางงบลงทุน 10 ปี 2.5-3 แสนล้านบาท เน้นลงทุนพลังงานสะอาด ประกาศ 7 ยุทธศาสตร์ ก้าวสู่ผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ได้แถลงแผนการดำเนินธุรกิจธุรกิจ โดยวาง 7 ยุทธศาสตร์ เพื่อก้าวสู่ผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ในการนี้ได้วางงบลงทุนในระยะ 10 ปี วงเงิน 2.5-3 แสนล้านบาท เพื่อรองรับกำลังผลิตใหม่ รวมถึงการซื้อและควบรวมกิจการ (M&A)

พร้อมกันนี้ให้ความมั่นใจกับผู้ถือหุ้นว่า แม้จะมีการลงทุนจำนวนมากแต่ในระยะ 5 ปี BGRIM ไม่มีแผนเพิ่มทุน เนื่องจากมีแหล่งเงินทุนรองรับไว้แล้ว ทั้งการออกหุ้นกู้ เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน หรือการได้มาซึ่งกระแสเงินสดจากโครงการที่มีอยู่และโครงการใหม่ ผ่านการเข้าซื้อกิจการ (M&A)

ปัจจุบัน BGRIM มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วรวม 48 โครงการ โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตจาก 3,058 เมกะวัตต์ในปี 2563 เป็น 7,200 เมกะวัตต์ในปี 2568

ศึกษา M&A โรงไฟฟ้า 3-4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 300-500 MW

ปัจจุบัน BGRIM อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการทำ M&A โครงการโรงไฟฟ้าราว 3-4 โครงการ ทั้งในต่างประเทศและในประเทศ โดยในประเทศมองเป็นรูปแบบของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ

ส่วนต่างประเทศ ซึ่งอยู่ที่ในประเทศมาเลเซียมองเป็นทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานทดแทน กำลังการผลิตประมาณ 300-500 เมะกะวัตต์ โดยในปี 2564 นี้วางงบลงทุนรวม 20,000-40,000 ล้านบาท สำหรับการทำ M&A และโครงการ Greenfield ทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการกังหันลม จ.มุกดาหาร ที่เตรียมผลิตกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาสที่ 3/64

เปิด 7 ยุทธศาสตร์ สู่ผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก

ยุทธศาสตร์ที่ 1 ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานสะอาดภายใต้รูปแบบสัมปทานกับภาครัฐในประเทศต่างๆ ทั่วโลก (B2G) เพื่อให้บริการไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพสูงอันเป็นรากฐานสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยจะเป็นการพัฒนาโครงการใหม่หรือการเข้าซื้อกิจการ ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เช่น สปป.ลาว, เวียดนาม, เกาหลีใต้, มาเลเซีย, กัมพูชา และฟิลิปปินส์

ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างบทบาทสำคัญในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเชื้อเพลิงสะอาด ทั้งนี้ จากความต้องการ LNG ของภูมิภาคอาเซียนซึ่งมีการเติบโตสูงที่สุดในโลก ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโควต้าการนำเข้า LNG จำนวน 1.2 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะนำมาสู่โอกาสในการบริหารต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น และโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ ทั้งด้านธุรกิจไฟฟ้าและการจำหน่าย LNG นอกจากนี้ยังศึกษาเชื้อเพลิงทางเลือกต่างๆ เพื่อนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคต

ยุทธศาสตร์ที่ 3 ให้บริการลูกค้าอุตสาหกรรมด้านสาธารณูปโภคแบบครบวงจร ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ ขายไฟฟ้าและไอน้ำที่มีคุณภาพสูงให้กับโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 300 รายอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม โดยจะขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมบริการด้านสาธารณูปโภคแบบครบวงจร และขยายพื้นที่การให้บริการที่นอกเหนือไปจากนิคมอุตสาหกรรมที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนแนวโน้มการกระจายตัวแบบไม่รวมศูนย์ (Decentralization) มุ่งสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีความสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ

ยุทธศาสตร์ที่ 4 ให้บริการสาธารณูปโภคครบวงจรสำหรับกลุ่มอาคารพาณิชย์ ในรูปแบบการนำเสนอโซลูชั่นทางด้านสาธารณูปโภค ภายใต้การผนึกกำลังของบริษัทต่างๆ ในเครือ บี.กริม เพื่อนำเสนอโซลูชั่นให้กับลูกค้าได้อย่างครบถ้วน

ยุทธศาสตร์ที่ 5 ขยายธุรกิจระบบการส่งและระบบการจำหน่ายไฟฟ้าในภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการส่งและจำหน่ายไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพไปสู่ผู้ใช้ โดยอาศัยความชำนาญกว่า 25 ปีของ บี.กริม เพาเวอร์ในการสร้างและควบคุมระบบการส่งและระบบการจำหน่ายไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม 9 แห่งทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา นำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการเป็น Smart City ต่อไปในอนาคต

ยุทธศาสตร์ที่ 6 ให้บริการพลังงานที่มีคุณภาพและเสถียรภาพผ่านการซื้อขายในระบบ energy trading โดยเป็นการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าโดยตรง ไม่ผ่านระบบของการไฟฟ้า ซึ่งอาศัยโครงข่ายอัจฉริยะ (Smart Grid) ที่พัฒนา โดยปัจจุบันบริษัทได้นำร่องทดสอบระบบ trading ระหว่างอาคารต่างๆ ในเครือ บี.กริม และในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว

“ทิศทางธุรกิจพลังงานจากนี้ โรงไฟฟ้าจะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ อนาคตคนจะมีโรงไฟฟ้าในบ้าน มีการติดแผงโซลาร์บนหลังคาผลิตไฟฟ้าขายเพื่อนบ้านแบบ Peer to Peer ที่แลกเปลี่ยนกันได้โดยตรง” ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว

ยุทธศาสตร์ที่ 7 เดินหน้าพัฒนาโมเดลธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับ “ดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่น” ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการขับเคลื่อนด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่

ภายใต้ยุทธศาสตร์ 7 ประการ จะควบคู่ไปกับจุดแข็ง 5 ข้อของ BGRIM คือ

  1. ความสามารถในการสร้างโอกาสทางธุรกิจ
  2. การเป็นพันธมิตรที่ดีและได้รับความไว้วางใจ
  3. ความสามารถในการพัฒนาและบริหารโครงการ
  4. การจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อรองรับการเติบโตด้วยต้นทุนที่เหมาะสม
  5. ความพร้อมทางด้าน "ดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่น" เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว

ด้วยเป้าหมายก้าวสู่บริษัทผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก โดย บี.กริม เพาเวอร์ มีเป้าหมายก้าวสู่องค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050 (ปี พ.ศ.2593)

ที่มา : moneyandbanking