BGRIM ผนึก ยูนิเวนเจอร์ ลุยขยายตลาดกลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้าผลิตไฟฟ้า 500 เมกกะวัตต์ ใน 3 ปี

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 BGRIM ได้เข้าลงทุนในบริษัท ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี จำกัด หรือ UVBGP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.ยูนิเวนเจอร์ ( UV) ในสัดส่วน 45% โดยเข้าร่วมลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ UVBGP จำนวน 2,250,000 หุ้น ในมูลค่าหุ้นละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 22.25 ล้านบาท โดยมี UV ถือหุ้นในสัดส่วนที่เหลืออีก 55%

การร่วมทุนดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ ครอบคลุมโครงการพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา โครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ติดตั้งบนทุ่นลอยนํ้า โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม โรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน โรงไฟฟ้าชีวะมวล บริการ Energy Solution และโครงการสมาร์ทกริด โดยตั้งเป้าผลิตไฟฟ้า 400-500 เมกะวัตต์ ภายในระยะเวลา 3 ปี

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า การเป็นพันธมิตรธุรกิจกับ UV จะช่วยขยายโอกาสทางธุรกิจของ บี.กริม เพาเวอร์ ในการลงทุน พัฒนา บริหารจัดการและดำเนินโครงการในด้านพลังงานที่เกี่ยวข้อง หรือสนับสนุนธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผ่าน UVBGP ร่วมกับ UV

นายกำพล ปุญโสณี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ยูนิเวนเจอร์ กล่าวเสริมว่า ในการผนึกกำลังครั้งสำคัญกับ BGRIM ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเป็นการพัฒนาต่อยอดความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

“การผนึกกำลังในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสในการลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ ตามเป้าหมายของ UV ในการสร้างพอร์ตการลงทุนให้มีความสมดุล เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต พร้อมกันนั้น ยังสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ด้าน Diversification และ Opportunistic Investment เป็นการพัฒนาต่อยอดจากกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ UV มีความเชี่ยวชาญทั้งในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย, อาคารสำนักงานให้เช่า และโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ” นายกำพล กล่าว

ปัจจุบัน บี.กริม มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้ว 48 โครงการ รวมกำลังการผลิต 3,058 เมกะวัตต์ โดยมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทมีเป้าหมายขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้ตามเป้าหมาย 7,200 เมกะวัตต์ในปี 2568

ที่มา: moneyandbanking