BGRIM สิงห์ เอสเตท จบดีลโครงการผลิตไฟฟ้า คาดปี 67 เห็นรายได้ 7.8 พันล้าน

จบดีลบริษัทผลิตไฟฟ้าอ่างทอง 3 แห่ง บี.กริม เพาเวอร์ ถือ 70% และ สิงห์ เอสเตท 30% คาดปี 67 เห็นรายได้ไม่ต่ำกว่า 7.8 พันล้าน

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ได้ให้บริษัท เอส. ไอเอฟ. จำกัด หรือ S.IF. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 จำกัด และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 จำกัด

โดยทั้ง 2 บริษัทได้ทำธุรกรรมการถือหุ้นในบริษัทผลิตไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งเสร็จสิ้นเรียบร้อย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทำธุรกรรมการถือหุ้นในบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 1 เสร็จสิ้นไปเมื่อเดือน ก.ค. 64 ทำให้ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้น 70% และ สิงห์ เอสเตท ถือหุ้น 30% ในบริษัทผลิตไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง

สำหรับบริษัทผลิตไฟฟ้าทั้ง 3 บริษัท มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 403 เมกะวัตต์ (MW) ประกอบไปด้วย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 1 จำกัด ซึ่งดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าประเภทพลังความร้อนร่วม กำลังผลิต 123 เมกะวัตต์

โครงการผลิตไฟฟ้าแห่งใหม่ 2 แห่ง ซึ่งมีบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 จำกัด และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 จำกัด เป็นเจ้าของใบอนุญาต แต่ละแห่งมีกำลังการผลิต 140 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) 90 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. เป็นเวลา 25 ปี

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า BGRIM จะใช้ความชำนาญในการเป็น Utilities Solution Provider เพิ่มศักยภาพในความร่วมมือมุ่งสู่การเป็น SMART Eco Industrial Estate ซึ่งประกอบไปด้วยการพัฒนาดังต่อไปนี้

  1. ธุรกิจไฟฟ้ารวมถึงระบบการส่งและจำหน่ายไฟฟ้าตลอดจนการเตรียมพร้อมสำหรับแพลตฟอร์มดิจิทัล
  2. ระบบส่งและจำหน่ายก๊าซ
  3. Smart Solution รวมถึงการใช้ solar rooftop และ solar floating เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานของลูกค้าอุตสาหกรรม (IU)
  4. การซื้อขายพลังงานผ่านระบบ energy trading สำหรับ P2P
  5. ใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) เพื่อให้การสนับสนุนแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของลูกค้า IU ตามเป้าหมายไปสู่ความยั่งยืน
  6. ระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อเสริมเสถียรภาพและประสิทธิภาพของพลังงานทดแทน และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง อย่าง สิงห์ เอสเตท เพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

ด้านนางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สิงห์ เอสเตท ภูมิใจอย่างมากที่ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในภาคการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการร่วมทุนกับหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมากที่สุดของประเทศไทยในด้านการผลิตไฟฟ้า

โดยธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจ และที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือ เป็นธุรกิจที่จะมาผนึกกำลังส่งเสริมซึ่งกันและกันกับธุรกิจหลักของสิงห์ เอสเตท ซึ่งประกอบไปด้วย อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ที่อยู่อาศัย รีสอร์ต และโรงแรม ได้เป็นอย่างดี

ในปี 2564 เราได้เดินหน้าผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับธุรกิจที่มาส่งเสริมซึ่งกันและกันกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลักของเรา โดยมุ่งเน้นผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับผู้นำในธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ด้วยความมุ่งมั่นในการเดินหน้าตามกลยุทธ์อย่างมีเป้าหมาย โดยไม่พะวงกับสถานการณ์โควิด-19 เพื่อเติมเต็มการเติบโตในระยะยาวของเราอีกด้วย

สำหรับการร่วมทุนทั้ง 3 บริษัทนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 7,800 ล้านบาท ในปี พ.ศ.2567

ที่มา : thairath.co.th