BGRIM เล็งซื้อโรงไฟฟ้าปีนี้ 760MW ลุยประมูล PPA ใหม่อีก 1,500 MW

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -19 ก.พ. 64 15:16 น.

BGRIM เล็งซื้อโรงไฟฟ้าปีนี้ 760 MW พร้อมลุยประมูล PPA ใหม่อีก 1,500 MW ส่วน วางงบลงทุน 4.5-5 หมื่นลบ. คาด EBITDA Margin ปีนี้แตะ 30% หลังรับรู้โรงไฟฟ้าใหม่-ต้นทุนลดลง เบรกแผนลงทุนโรงไฟฟ้าในเมียนมา หลังเกิดรัฐประหาร

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเข้าประมูลใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าใหม่(PPA) อีก 1,300-1,500 เมกะวัตต์(MW) อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ (Gas to Power) ที่ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 1,000-1,200 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลมในประเทศเวียดนามและเกาหลีใต้ รวมกำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ยังมีแผนเข้าซื้อกิจการ (M&A)โรงไฟฟ้า อีก 760 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นในประเทศตั้งเป้ากำลังการผลิตประมาณ 300-360 เมกะวัตต์ ส่วนต่างประเทศตั้งเป้ากำลังการผลิตที่จะได้อีก 200-250 เมกะวัตต์ ซึ่งในต่างประเทศมีสัญญาที่เป็นส่วนต่อขยายอีก 120-150 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ บริษัทวางงบลงทุนที่ประมาณ 45,000-50,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 50% ใช้ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศ 7 โครงการ ได้แก่ โครงการในแหลมฉบัง 1 โครงการ , นิคมอมตะนคร 2 โครงการ , มาบตาพุด 2 โครงการ และอ่างทองอีก 2 โครงการ รวมกำลังการผลิตทั้งหมด 980 เมกะวัตต์ ส่วนเงินลงทุนอีก 50% จะใช้ซื้อกิจการ

โดยบริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้จำนวน 5,000-7,000 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อกิจการตามแผนข้างต้น จากปัจจุบันที่มีกระแสเงินสดในมือ 20,000 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอีก 15,000 ล้านบาทต่อปี

สำหรับผลประกอบการปี 64 บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม (EBITDA) เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปีก่อนคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 29% ซึ่งเป็นผลมาจากโครงการใหม่ที่มีแผนจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ปีนี้ เช่น โครงการกังหันลม 2 โครงการ รวมกำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ ,โครงการโซลาร์ รูฟท็อป 15-20 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ ฟาร์ม ในพื้นที่อู่ตะเภา 15 เมกะวัตต์

รวมถึงรับรู้รายได้เต็มปีของโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง และลูกค้านิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น

ส่วนโครงการโซลาร์ ฟาร์ม ของกองทัพบก บริษัทฯได้มีความสนใจในการเข้าร่วมประมูล แต่เบื้องต้นต้องรอดูว่าโครงการดังกล่าวได้จัดอยู่ในแผนที่ภาคเอกชนสามารถเข้าลงทุนได้หรือไม่ และโครงการ โซลาร์ ลอยน้ำ ในเขื่อนอุบลรัตน์ ที่จะเปิดให้เอกชนเข้าประมูลในปีนี้ บริษัทก็พร้อมเข้าร่วมประมูลร่วมกับพันธมิตร

ด้านแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าในเมียนมา ยอมรับว่าบริษัทได้ชะลอแผนการลงทุนไปก่อน หลังเกิดการรัฐประหาร อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดเล็ก ส่วนการลงทุนในประเทศสปป.ลาว บริษัทไม่ได้มีผลกระทบจากการชะลอการจ่ายค่าไฟฟ้าของรัฐบาลลาว ขณะเดียวกันก็มีการชะลอโครงการพลังงานน้ำ 7 โครงการ รวมกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์การลงทุนที่เหมาะ จากการที่ยังไม่สามารถเดินทางได้ และปัจจุบันบริษัทมีแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าจำนวนมากอยู่ โดยทางรัฐบาลลาวมีความยืดหยุ่นให้บริษัทเช่นกัน

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกันกับพันธมิตรในประเทศมาเลเซีย ในการนำสาหร่ายมาผลิตเป็นน้ำมัน เพื่อใช้ทดแทนวัตถุดิบถ่านหินที่ใช้ในโรงไฟฟ้า เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำกว่า รวมถึงโอกาสเข้ารับงานและลงทุน ในโรงไฟฟ้าที่ใช้สาหร่ายเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต โดยคาดว่าจะได้ผลข้อสรุปการศึกษาที่ชัดเจนภายใน 3 เดือนข้างหน้า

ลักษณะธุรกิจของ BGRIM

ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลักด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ที่มา : efinancethai